วันเสาร์สบายๆวันนี้มาพร้อมกับบรรยากาศช่วงปิดภาคเรียน ก็ขอถือโอกาสคุยเรื่องของเด็กๆในช่วงปิดเทอมซะหน่อยพ่อแม่ผู้ปกครองมักจะมองหากิจกรรมให้บุตรหลานทำในช่วงปิดเทอมใหญ่ 2 เดือน คนในสังคมเมืองถ้าคิดอะไรไม่ออกก็จะให้ลูกหลานไปเรียนพิเศษ หากเป็นครอบครัวเศรษฐีมีฐานะอาจส่งลูกไปเรียนซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ ทั้งๆที่ตอนเปิดเทอมเด็กก็เรียนหนังสือเครียดกับวิชาการมาพอสมควรแล้ว ช่วงปิดเทอมจึงควรได้พักผ่อนหรือทำกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์หรือทักษะด้านอื่นบ้างที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานได้จัดกิจกรรมสนับสนุนการใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมให้แก่เด็กและเยาวชน แต่ก็ยังมีช่องว่างช่องโหว่อยู่ จากรายงานสุขภาพคนไทยปี 2559 ในส่วนของการใช้เวลากับกิจกรรมยามว่างของเยาวชน พบว่าเด็กไทยใช้เวลาในการเข้าอินเตอร์เน็ตเฉลี่ย 6 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนใหญ่เข้าไปเล่นเกม หรือดาวน์โหลดเกม ขณะที่ การใช้งานอินเตอร์เน็ตเพื่อการศึกษา ค้นหาข้อมูลทางการเรียนรู้ มีแค่เพียง 31.8%ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือเยาวชนไทยติดเกมเป็นอันดับต้นๆของทวีปเอเชีย เล่นเกมออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนและและอินเตอร์เน็ตคอมพิวเตอร์เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.2 ชั่วโมงต่อวัน และในจำนวนนี้มี10-15% ที่มีอาการเสพติดเกมออนไลน์ขั้นรุนแรงขณะเดียวกัน มีข้อมูลของ ยูรีพอร์ต (เป็นแพลตฟอร์มสนับสนุนและส่งเสริมสิทธิในการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชน โดยคณะกรรมการที่เป็นตัวแทนของเด็กจะตั้งประเด็นคำถามเอง และส่งแบบสำรวจความเห็นไปยังสมาชิก) ที่ได้ทำโพลสำรวจสมาชิก 1,882 คน ในช่วงเดือน ธ.ค.60-ม.ค.61 พบว่ากลุ่มตัวอย่างเกือบครึ่งหนึ่งรู้สึกว่าชุมชนที่ตนอาศัยอยู่ไม่ค่อยปลอดภัย และมี 35% คิดว่าชุมชนที่ตนอาศัยอยู่มีพื้นที่สร้างสรรค์ (พื้นที่เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้และพัฒนาทักษะต่างๆ) น้อย ขณะที่ 12% มองว่าไม่มีโอกาสมีส่วนร่วมในพื้นที่สร้างสรรค์ เพราะไม่ทราบช่องทางการเข้าถึง นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่าง 42% อยากให้รัฐบาลเร่งสร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อให้เด็กได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้อง ในช่วงปิดเทอมนี้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมกับองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม สนับสนุนให้เกิดกิจกรรมสร้างสรรค์ ในรูปแบบต่างๆที่เหมาะสมแก่เด็กและเยาวชนตั้งแต่ชั้นประถมต้นจนถึงระดับมหาวิทยาลัย และนำมารวบรวมไว้ที่เว็บไซต์ www.ปิดเทอมสร้างสรรค์.com บอกไว้ละเอียดว่ามีกิจกรรมอะไร ที่ไหน เวลาใดผมอยากแนะนำให้พ่อแม่ผู้ปกครองลองเข้าไปดู เผื่อได้ไอเดียใหม่ หรือพบเจอกิจกรรมที่อยากให้ลูกหลานได้ลองสัมผัสฝึกฝนกิจกรรมหลักแบ่งเป็น 4 หมวด ได้แก่ 1.ตามหาฝัน ร้อง เต้น เล่นดนตรี ศิลปะ กีฬา 2.แบ่งปันสังคม ร่วมด้วยช่วยกันทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อผู้อื่น 3.ค้นหาตัวตน ไปฝึกงานในอาชีพที่ใช่ ทำงานหารายได้พิเศษ หรือฝึกทักษะชีวิตเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง 4.สนุก ฝึกฝน เปิดโลกเรียนรู้ ทำให้ได้รู้จักโลกกว้างขึ้น และเพิ่มจินตนาการดูจากรายชื่อหน่วยงานที่มาเข้าร่วมโครงการแล้ว น่าจะเกิดความหลากหลาย และกระจายพื้นที่ไปได้ทั่วประเทศ ในส่วนขององค์กรภาครัฐ เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กระทรวงศึกษาธิการ กรมพลศึกษา กรมศิลปากร องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) มิวเซียมสยาม TK Park ภาคเอกชน เช่น หอการค้าไทย บริษัทในเครือสหพัฒน์ เครือซีพี เดอะมอลล์กรุ๊ป เซ็นทรัลกรุ๊ป ภาคประชาสังคม เช่น มูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ธนาคารจิตอาสาถ้าเด็กได้เรียนรู้โลกกว้าง พัฒนาทักษะชีวิต ทักษะทางสังคม ค้นหาตัวเอง เสริมสร้างจินตนาการ เขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ พร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และปัญญา.ลมกรด