วันพรุ่งนี้ 27 ธันวาคม “วันกำพล วัชรพล” วันคล้ายวันเกิด ผอ.กำพล วัชรพล ผู้ก่อตั้ง นสพ.ไทยรัฐ ซึ่งได้รับการยกย่องจาก องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ให้เป็น “บุคคลสำคัญของโลกด้านสื่อสารมวลชนและการศึกษา” ปี 2560 แต่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ มูลนิธิไทยรัฐ และ ไทยรัฐ กรุ๊ป จึงเลื่อนมาจัดงานเช้าวันนี้แทน และฉลอง “วันครบรอบ 76 ปีหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ไปด้วยกัน ผมขอถือโอกาสนี้เชิญท่านแขกผู้มีเกียรติที่เคารพทุกท่านนะครับผอ.กำพล ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็น บุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษา เนื่องจาก ผอ.กำพล ได้สนับสนุนการศึกษาของเด็กไทยมาต่อเนื่องกว่า 45 ปี ก่อตั้ง โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 111 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้การศึกษาเด็กยากจนที่ไร้โอกาส ก่อตั้ง มูลนิธิไทยรัฐ ขึ้นมาดูแลโรงเรียนไทยรัฐวิทยาทั้ง 111 แห่ง ตั้งแต่อาหารกลางวันจนถึงอุปกรณ์การเรียนการสอน จนโรงเรียนไทยรัฐวิทยาเป็นโรงเรียนชั้นนำได้รับรางวัลมากมายในวันสำคัญของชาวไทยรัฐวันนี้ ผมมีเรื่อง “การศึกษาของเด็กนอร์เวย์” ที่อยากจะนำมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งผมอ่านจากโพสต์ “อยู่ดีมีศักดิ์ศรี” แล้วประทับใจมาก อยากเห็นเด็กไทยทุกคนได้มีโอกาสดีๆ เช่นนี้บ้าง จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อนะครับสิ่งที่ “เด็กนอร์เวย์” เรียนตั้งแต่ชั้นประถมคือ “หน้าที่พลเมือง (Civil Education)” ไม่ใช่แค่ท่องกฎหมายหรือธงชาติ แต่คือการ “เข้าใจว่าตัวเองคือเจ้าของประเทศ” สิ่งที่อยู่ในหลักสูตรจริงๆ (ตั้งแต่ ป.4–มัธยมปลาย) มีดังนี้1.เรื่องภาษี (Tax Awareness) เด็กทุกคนจะได้เรียนว่า “ภาษีคือเงินของทุกคน” และมักถูกนำไปใช้สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล ถนน ฯลฯ เด็กจะได้ฝึกการคำนวณภาษีง่ายๆตั้งแต่ ป.5 เพื่อให้รู้ว่า “การเสียภาษีไม่ใช่เสียให้รัฐ แต่คือการช่วยกันดูแลประเทศ”2.เรื่องสิทธิ (Rights & Equality) เด็กได้เรียนรู้สิทธิของตนเอง เช่น สิทธิในการแสดงความเห็น สิทธิทางร่างกาย มีบทเรียนเรื่อง Gender Equality (ความเสมอภาคทางเพศ), Anti Bullying (การต่อต้านความก้าวร้าวการทำร้ายและการกลั่นแกล้งทางร่างกาย จิตใจ ด้วยคำพูด การกระทำ และสื่อออนไลน์) และ Democracy in Daily Life (ประชาธิปไตยในชีวิตประจำวัน) ฝึกการอภิปราย ถกเถียง และเรียนรู้ “การเคารพในความคิดเห็นที่ต่าง” ในชั้นเรียนโรงเรียนนอร์เวย์ ครูต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนพูดได้ เพราะประชาธิปไตยเริ่มต้นที่ห้องเรียน3.เรื่องหน้าที่ (Civil Duty & Responsibility) เด็กจะถูกสอนให้เข้าใจว่า “สิทธิและหน้าที่ต้องไปคู่กัน” มีการเรียนเรื่อง “การเลือกตั้งจำลอง (School Election)” เด็กจะได้รู้วิธีการลงคะแนน การเลือกผู้นำโรงเรียน และการอภิปรายเชิงนโยบาย เรียนรู้การดูข่าว การแยก Fake News และความรับผิดชอบต่อสังคมออนไลน์4. เรื่องความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อส่วนรวม (Trans parency & Ethics) เด็กจะได้เรียนรู้ว่า เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนต้องเปิดเผยรายได้และการใช้งบประมาณ มีโครงการที่ให้ “ตรวจสอบ” การใช้เงินของเทศบาลในท้องถิ่น เพื่อให้เข้าใจว่า “ประชาชนมีสิทธิตรวจสอบรัฐได้ทุกระดับ”สรุปสั้นๆ เด็กนอร์เวย์ “เรียนรู้ตั้งแต่เด็กว่า รัฐไม่ใช่ผู้มีพระคุณ แต่เป็นผู้รับใช้ประชาชน” เพราะเข้าใจว่า “ภาษี=หน้าที่” และ “สิทธิ=ความรับผิดชอบร่วมกัน”เห็นหลักสูตร นักเรียนนอร์เวย์ ที่เรียนตั้งแต่ชั้นประถมแล้วก็ไม่แปลกใจ ทำไมคนนอร์เวย์จึงมีความสุขที่สุดในโลก ทุกคนรู้สิทธิและหน้าที่ ไม่คิดทุจริตคอร์รัปชันชาติวิชาที่เด็กนอร์เวย์เรียนในโรงเรียน เป็นความรู้ขั้นพื้นฐานระบอบประชาธิปไตย ผมคิดว่าคนไทยทุกคนต้องเรียนรู้เช่นกัน “ภาษีคือเงินของเราทุกคน” และ “ทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ” จึงต้องช่วยกันปกป้องเงินภาษีของเราไม่ให้ “โจรการเมือง” ปล้นไปทุกวันทุกเดือนทุกปีจนมีแต่หนี้ เรื่องล่าสุดที่ทุกคนต้องช่วยกัน “จับตา” และ “จับผิด” ก็คือ งบเลือกตั้งก้อนมหาศาล 8,978 ล้านบาท ของ กกต. ที่ ครม.เพิ่งอนุมัติ ไม่รู้บัตรเลือกตั้งเคลือบด้วยทองคำหรือไง งบเลือกตั้งจึงแพงเว่อร์จนไม่น่าไว้วางใจขนาดนั้น.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม