“บ้านป่าเมืองเถื่อน” ประโยคกระทบหัวใจ ถูกโพสต์ไว้ในเฟซบุ๊ก “Paskorn Jumlongrach” (18 ธ.ค.68) ระบุรายละเอียด...ผมเอาข้อความในภาพมาจากเฟซบุ๊กของคุณ Prometheus Ck เมื่อ 4 วันก่อนผมขออนุญาตเขาเอาคลิปมาลง...เป็นคลิปที่ขบวนการค้ามนุษย์ชาวพม่า...กำลังบังคับเหยื่อชาวจีนข้ามไปฝั่งเมียวดี เหตุเกิด ณ ฝั่งไทย อำเภอแม่สอด (คลิป https://www.facebook.com/ share/v/183JGZanof/)ก่อนนำคลิปของเขามาขยายผลก็หวังเพียงว่า...“กลุ่มนักค้ามนุษย์” บริเวณนี้จะถูกทลายให้เบาบางลงบ้าง พวกเขาใช้แผ่นดินไทยทำมาหากินกันโจ๋งครึ่มจริงๆ...เหมือนบ้านป่าเมืองเถื่อนนี่เป็นเพียงกรณีเดียวที่ Prometheus Ck ถ่ายไว้...จริงๆแล้วเขามีคลิปพวกค้ามนุษย์ที่ขนคนข้ามไปฝั่งเมียวดีอีกนับร้อย แต่สิ่งที่ผมหวังดูจะไม่เป็นจริง...ล่าสุดคุยกับคุณ Prometheus Ck เขาบอกว่าเขาถูกขู่ฆ่า หลังจากที่วันก่อนเขาก็ถูกหน่วยงานด้านความมั่นคงไทยเชิญตัวไปพูดคุยด้วยตอนนี้ Prometheus Ck จึงหลบออกมาจากพื้นที่ก่อน แต่...เรื่องนี้สะท้อนการทำงานของกลไกรัฐได้ชัดแจ๋ว นอกจากไม่จับกุมขบวนการค้ามนุษย์แล้ว ยังไม่สามารถปกป้องคนที่เดือดเนื้อร้อนใจจากพวกอาชญากรข้ามชาติได้เมื่อวานกับวันนี้ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมว่าด้วยหุ้นส่วนระดับโลกต่อต้านสแกมเมอร์ เพื่อเรียกเสียงชื่นชมจากทั่วโลก แต่จะมีประโยชน์อะไรหากกลไกบ้านเมืองยังกลวงโบ๋ปล่อยให้ “ส่วย” เป็นตัวขับเคลื่อน...นโยบายของผู้บริหารประเทศลงไม่ถึงระดับปฏิบัติ?...นี่คือเสียงสะท้อนที่รัฐบาลต้องฟังกล่าวถึง “ขบวนการค้ามนุษย์” ก็ต้องฉายภาพชายแดนไทย-เมียนมาคือหนึ่งในเส้นทางอพยพที่มีชีวิตผู้คนเคลื่อนไหวหนาแน่นที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ในอีกด้านชายแดนเส้นเดียวกันนี้กลับกลายเป็น “กับดักเงียบ” ขบวนการค้ามนุษย์ฉวยโอกาสจากความเปราะบางผู้คนชาวเมียนมานับแสนปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ใช่เพียงปัญหามนุษยธรรม หากแต่เป็นโจทย์ความมั่นคงที่กำลังกัดกินสังคมไทยอย่างช้าๆ ...ความขัดแย้งภายในเมียนมา ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการขาดโอกาสในการดำรงชีวิตผลักให้ชาวพม่าจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ ต้องหนีออกจากบ้านเกิดชายแดนไทยจึงถูกมองเป็น “ทางรอด” แต่สำหรับบางคน ทางรอดกลับกลายเป็น “ทางตัน”ขบวนการนายหน้ามนุษย์อาศัยช่องว่างความหวัง ชักชวนด้วยคำว่า...งานดี ค่าแรงสูง ไม่มีเอกสารก็ไปได้ ก่อนจะพาเหยื่อเข้าสู่ระบบหนี้ การกักขัง และการบังคับใช้แรงงานการค้ามนุษย์ชายแดนไทย-เมียนมา จึงไม่ได้เป็นเพียงการพาคนข้ามแดนผิดกฎหมาย แต่เป็น “ธุรกิจอาชญากรรม” ที่มีโครงสร้างชัดเจน แรงงานไม่น้อยถูกส่งไปยังภาคประมง โรงงานเถื่อน....บางรายถูกยึดเอกสาร...บางรายถูกบังคับทำงานเพื่อใช้หนี้ หลายรายไม่เคยมีโอกาสเลือกชีวิตตัวเองภูมิประเทศที่ยากต่อการควบคุม แนวชายแดนยาวหลายพันกิโลเมตรและเส้นทางธรรมชาติจำนวนมาก ทั้งหมดนี้ทำให้การค้ามนุษย์แฝงตัวได้ง่าย ยิ่งเมื่อผสมกับการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่ทั่วถึง ปัญหาจึงยิ่งฝังรากลึก...การลักลอบข้ามแดนบางครั้งไม่ต้องหลบซ่อน แต่เป็นการผ่านตามจังหวะเวลาที่รู้กันในพื้นที่สะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาไม่ได้อยู่แค่ที่ภูมิประเทศ แต่อยู่ที่ระบบควบคุม?นอกจากนี้ใน “เขตสีเทา” ริมชายแดน...บ่อนกาสิโนศูนย์หลอกลวงออนไลน์และค่ายกักกันแรงงานที่ใช้การข่มขู่ ทำร้าย และกักขัง ยังมี “การค้ามนุษย์รูปแบบใหม่” ที่ไม่จำกัดแค่แรงงานราคาถูก แต่รวมถึง “แรงงานอาชญากรรม” ที่ถูกบังคับให้หลอกลวงผู้อื่นคำถามสำคัญมีว่า...ขณะที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพประชุมระดับโลกว่าด้วยการต่อต้านแก๊งสแกมเมอร์ ได้รับเสียงชื่นชมจากนานาชาติ ภาพลักษณ์ดูแข็งแรง มีบทบาทนำ แต่ในพื้นที่จริง...คนถูกบังคับ (หรือ...ถูกหลอก) ข้ามแดน...ขบวนการค้ามนุษย์ยังทำงานได้...ผู้เปิดโปงต้องหนีตายดังกรณีตัวอย่างข้างต้นความย้อนแย้งนี้ตอกย้ำว่า...นโยบายระดับบนไม่ได้ไหลลงถึงระดับปฏิบัติใช่หรือไม่?“อาชญากรรมไซเบอร์” โดยเฉพาะ “แก๊งสแกมเมอร์” กลายเป็น “ธุรกิจหลัก” ของเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติในพื้นที่ชายแดน...เงินหมุนเวียนหลักหมื่นล้านบาทต่อปี เหยื่อกระจายทั่วโลก แต่แรงงานจำนวนมากกลับเป็น “ผู้ถูกบังคับ” เบื้องหลังคอลเซ็นเตอร์หรู คือแรงงานที่ถูกยึดพาสปอร์ต ถูกลงโทษหากทำยอดไม่ได้บางรายเสียชีวิตโดยไม่มีใครรับรู้ สแกมเมอร์จึงไม่ใช่เพียงอาชญากรรมออนไลน์ แต่เป็น...ปลายทางของการค้ามนุษย์ สะท้อนภาพ “สแกมเมอร์” คือโรงงานเงินผิดกฎหมายแห่งศตวรรษใหม่คำถามสำคัญตามมาจึงมีว่า...อะไรที่เป็นกลไกสำคัญหล่อเลี้ยงอาชญากรรมที่ว่านี้? และเหตุใดเครือข่ายเหล่านี้จึงเติบโตได้ยาวนาน? คำตอบอยู่ที่ “ระบบส่วย” และ “การคอร์รัปชันเชิงโครงสร้าง” ใช่หรือเปล่า...นับตั้งแต่ด่านตรวจเส้นทางลำเลียงคน การขนย้ายเงินสดไปจนถึงการเพิกเฉยต่ออาคารต้องสงสัย เงินใต้โต๊ะทำหน้าที่เหมือน “ค่าสมัครสมาชิก” หรือไม่ “ใครจ่าย...ผ่าน ใครไม่จ่าย...ถูกสกัด” สะท้อนได้ไหมว่าระบบนี้ไม่ได้มีแค่ผู้รับผลประโยชน์รายบุคคล? หากแต่...กลายเป็น “เครือข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน” ที่ทำให้อาชญากรรมข้ามชาติ “อยู่ร่วม” กับรัฐบางส่วนบางกลุ่มอย่างแนบเนียนใช่ไหม?ทั้งหมดเหล่านี้ ผลกระทบไม่ได้หยุดอยู่ที่ “เหยื่อค้ามนุษย์” หรือ “เงิน” ที่ประชาชนถูกหลอก หากแต่ลุกลามสู่...ภาพลักษณ์ประเทศ ความเชื่อมั่นด้านความมั่นคง ความศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม ปฏิเสธไม่ได้ว่า “อำนาจรัฐ” ย่อมถูกตั้งคำถาม.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม