อ่านประวัติศรีปราชญ์ตอนเป็นเด็กๆ จำเรื่องราวที่เขาว่า ยุคพระนารายณ์นั้น ผู้คนหายใจกันพูดจาตอบโต้กันเป็นโคลงเป็นกลอน โคลงสี่สุภาพบทนั้น...สมเด็จพระนารายณ์ทรงแต่งเองเรียมร่ำน้ำเนตรท่วมถึงพรหม พาหมู่สัตว์จ่อมจม ชีพม้วย พระสุเมรุเปื่อยเป็นตม ทบท่าว ลงแฮ...สำนวนโวหารเชิงพรรณนา ล้ำเลิศโอฬารเกินจินตนาการนี่ปะไร! ที่เขาเรียกว่า จินตกวี แต่พอทรงแต่งบาทที่สาม...ทำให้คนจินตนาการตามไปถึงน้ำตาไหลท่วมเขาพระสุเมรุ จนเขาพระสุเมรุเปื่อยละลาย...ถึงกระนั้นแล้ว...ตัวตนเรียม...เจ้าของน้ำตาเล่า...จะหนีน้ำท่วมไปอยู่หนไหน?สมเด็จพระนารายณ์ท่านก็ทรงจนพระปัญญา จะแต่งโคลงต่อให้จบสมเหตุสมผล...ต่องานนี้...เมื่อศรีปราชญ์รับราชโองการแต่งต่อ...“หากอกนิษฐมหาพรหมช่วยชีพไว้จึงคง...” ทรงพอพระทัยมากทางพุทธศาสนารู้กันว่า ในพรหมโลกที่สูงลิบลิ่วเหนือสวรรค์เจ็ดชั้นขึ้นไปนั้น...ทุกชั้นล่างๆ น้ำจากโลกก็ยังท่วมได้ จะมีก็แต่ชั้นอกนิษฐ์ชั้นเดียวที่คัมภีร์ว่า น้ำท่วมไปไม่ถึงศรีปราชญ์ไม่เพียงแสดงฝีมือทางกวี ยังแสดงถึงความรู้ทางศาสนา...เป็นเหตุให้ทรงพระราชทาน...แหวนวงหนึ่งให้เป็นรางวัล แล้วก็เจ้าแหวนวงนี้ล่ะกระมังเป็นที่มาให้ศรีปราชญ์ปะกับฝีปากกับคู่ต่อไปเมื่อพระสนมเอกว่ากลอนยอกย้อน...หะหายกระต่ายเต้นชมจันทร์ มันบ่เจียมตัว มันต่ำต้อย นกยูงหากกระสันถึงเมฆมันบ่เจียมตัวน้อย ต่ำเตี้ย เดรัจฉาน...ศรีปราชญ์ก็โต้หะหายกระต่ายเต้นชมแข สูงส่งสุดตาแล สู่ฟ้า...ฤดูฤดีแดสัตว์สู่กันนา อย่าว่าเราเจ้าข้า อยู่พื้นเดียวกัน...พระสนมเอกกรี๊ดแตกฟ้องพระนารายณ์ ตอนนี้ล่ะ...ที่ถูกสั่งลงโทษให้เนรเทศไปอยู่นครศรีธรรมราช และก็พลาดพลั้งถูกเจ้าเมืองสั่งประหารที่เมืองคอนเรื่องศรีปราชญ์ที่ผมจำมาตกๆหล่นๆทำนองนี้...ผู้รู้รุ่นหลังแย้ง เป็นงานแต่งสมัยรัชกาลที่ 3ผมติดใจเรื่องพรหมโลกชั้นอกนิษฐ์ น้ำท่วมโลกไปไม่ถึง ...เพราะไปเข้าเค้ากับเพลงเด็กๆที่เด็กรุ่นผมร้องเล่น...น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว ค้างคาวจะกินเดือนค้นเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาก็หาไม่เจอ เจอแต่ประโยค ดาวเดือนดินฟ้าจะอาเพศ อุบัติเหตุจะเกิดทั่วทุกทิศา...เพิ่งมาเจอเอาก็ในดรุณศึกษาแบบเรียน ป.2 ที่ภราดา ฟ.ฮีแลร์ แต่งให้เด็กอัสสัมชัญเรียนเมื่อปี 2453อาจารย์อยู่เมืองไทย 9 ปี แต่งกลอนชื่อเสือมีลายไว้ในบทที่ 26 ดังต่อไปนี้ยังมีชายชราอนาโถ ชื่อตาโคแค้นขัดไปตัดหวาย พยัคฆ์ย่องมองหมอบค่อยยอบกราย เขม้นหมายจะขบตาโคกิน ตาเฒ่าเหลียวหลังพบประสบเสือ ก็กลัวเหลือสุดจะคิดจิตถวิล จึงอุบายหมายลวงพยัคฆิน ว่า “เหม่! เหม่! อ้ายทมิฬจะทำไม ไม่รู้หรือ ดินฟ้าจะอาเพศ ทั่วประเทศสิงห์สัตว์จะตักษัยน้ำจะท่วมถึงฟ้าสุราลัย ฝูงมัจฉาน้อยใหญ่จะกินเดือน (นี่เจอแล้วบทนี้เอง)กูรีบรัดตัดหวายอุบายฉลาด จะแขวนญาติวงศาบรรดาเพื่อน ให้พ้นทุกข์สุขาไม่ช้าเชือน อ้ายขี้เรื้อน! อย่าหัวเราะ! จะเคราะห์ร้าย! อ้ายเสือกลัวตัวสั่นคลานเข้ากราบ ศีรษะราบขอชีวิตเหมือนคิดหมาย ว่าพ่อขา! ช่วยข้าอย่าให้ตาย โปรดเอาหวายผูกคอข้าแขวนที”ฝ่ายตาโครีบตวัดมัดเสือโคร่ง ขึ้นแขวนโยงกิ่งไม้มิให้หนี แล้วเฆี่ยนหลังเสือป่าไม่ปรานี หมายจะตีให้ป่นไปจนตาย อ้ายเสือโคร่งถูกหวดปวดที่สุด พอดิ้นหลุดเผ่นผวาเข้าป่าหายเหลือแต่รอยเฆี่ยนตียังมีลาย ไม่สูญหายสืบพันธุ์แต่นั้นมารุ่นผมเคยฟังเพลงเสือสิ้นลายไม่รู้เรื่อง “ลายเสือ” มาเลย จึงชื่นชมภรา ฟ.ฮีแลร์มากๆ แล้วก็เดาเอาว่า ภราดาท่าน คงฟังเพลงเด็กร้อง...น้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว ค้างคาวจะกินเดือน จากเด็กยุคที่ท่านเพิ่งมาเมืองไทยที่มาของเพลงนี้ น่าจะมาจากคนไทยคุ้นเคยเรื่องน้ำท่วม และเอาตัวรอดกันได้มาแต่ไหนแต่ไร เรื่องใหม่ๆที่ไม่เคยก็น่าจะเป็นเรื่อง น้ำท่วมใหญ่คราวนี้ มีข่าวว่าจะกวาดเอารัฐบาลไปตามกับน้ำทั้งคณะ... ล่ะกระมัง.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม