ตลอดเส้นทางนับเจ็ดทศวรรษแห่งการ ทรงงาน...ทุกครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯไป ณ ถิ่นใดของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ยอดดอยบนเหนือสุดแดนสยาม หรือปลายแหลมใต้ชายทะเล พระองค์จะไม่ทรงเดียวดายเพราะข้างกายของพระองค์เสมอมา คือ “เงาแห่งพระเมตตา” ที่เปี่ยมด้วยความรัก ความศรัทธา และความห่วงใยอันไม่มีที่สิ้นสุดของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงสะท้อนภาพในหัวใจคนไทย...“พ่อกับแม่แห่งแผ่นดิน” ที่ยืนเคียงกันกลางท้องนา ย่ำโคลนไปตามทางดินฝุ่นแดง เป็นภาพที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจคนไทยนับล้านดวง มิใช่เพราะพระองค์ทรงงดงามด้วยพระสิริโฉม หากแต่เพราะ “ความงดงามในพระหฤทัย” ที่ทรงอ่อนโยนต่อประชาชนทุกผู้ทุกนามพระสุรเสียงอ่อนโยนที่ครั้งหนึ่ง พระพันปีหลวงเคยตรัสเบาๆว่า “ฉันจะตามเสด็จในหลวงไปทุกที่” เป็นถ้อยคำเรียบง่าย แต่กินใจที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยเพราะมิได้เป็นเพียงคำสัญญาของราชินีต่อพระราชา หากแต่เป็น “คำมั่นของหัวใจ” ที่จะร่วมสร้างความสุขให้ประชาชนในทุกย่างก้าวของแผ่นดินทรงยืนกลางแดดเดียวกัน ทรงย่ำน้ำโคลนเหมือนกันและทรงมอบ “หัวใจของแม่” ให้กับลูกๆคนไทยทั่วทั้งผืนแผ่นดินพระองค์ทรงยืนหยัดเคียงข้างในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยหัวใจที่มั่นคง เมื่อพระราชาทรงห่วง “น้ำ” เพื่อให้ราษฎรได้ดื่มกิน...พระราชินีก็ทรงห่วง “ปากท้อง” ของผู้หญิงในชนบท จนทรงตั้ง “ศูนย์ศิลปาชีพ” เพื่อให้แม่บ้านยากไร้ได้ลุกขึ้นยืนด้วยศักดิ์ศรีของตนเองพระองค์ทรงเปลี่ยนผืนผ้าธรรมดาๆให้กลายเป็นงานศิลป์แห่งชีวิต...เปลี่ยนหยาดเหงื่อของหญิงไทยให้กลายเป็น “มรดกของแผ่นดิน”เบื้องหลังความเหน็ดเหนื่อยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราชคือพระราชินีผู้ทรงคอยยื่นน้ำเย็นให้ดื่ม คอยตรัสปลอบด้วยรอยยิ้ม และคอยยืนอยู่ข้างหลังอย่างเงียบงามในทุกย่างก้าวไม่มีวันใดที่พระองค์ทรงทอดทิ้ง...ไม่มีที่ใดที่พระองค์ไม่เสด็จฯไปเยือนพร้อมในหลวง ดุจเงาแห่งความรักที่ไม่เคยพรากจากกัน ตอกย้ำเหตุการณ์ที่สะท้อนถ้อยคำนี้ เกิดขึ้นเมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมราษฎรภาคอีสานและภาคเหนือช่วงปี พ.ศ.2490—2500 ทั้งสองพระองค์เสด็จด้วยกันไปเยี่ยมและสอบถามความเป็นอยู่ของราษฎร ทำให้ภาพพระราชา...พระราชินียืนเคียงข้างราษฎรเป็นภาพติดตาและติดใจประชาชนการสนับสนุนโครงการชาวบ้าน เช่น “ส่งเสริมศิลปาชีพ...การทอผ้า...หัตถกรรม” พระพันปีหลวงทรงออกแรงผลักดันงานประชาสังคมเหล่านี้ควบคู่ไปกับพระราชกรณียกิจของในหลวง จนกลายเป็น “งานคู่” ที่เดินไปด้วยกันในพื้นที่จริงในบางพื้นที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริเฉพาะด้าน เช่น โครงการฝนหลวง...หาน้ำ...แผนพัฒนาเกษตร สมเด็จพระพันปีหลวงก็เสด็จตามไปเยี่ยม ช่วยสร้างกำลังใจ และพบปะราษฎรด้วย จึงไม่ใช่แค่ภาพประกอบ แต่เป็นการลงแรงจริงร่วมกันภาพพระพันปีหลวงตามเสด็จอย่างสม่ำเสมอ สะท้อนความมุ่งมั่นและความตั้งใจอย่างยิ่ง ด้วยว่าการเสด็จเยี่ยมราษฎรเป็นงานหนัก ต้องมีการวางแผน ติดตามปัญหาและติดตามผล สมเด็จพระพันปีหลวงทรงทำงานด้านสังคมสงเคราะห์และพัฒนาอาชีพควบคู่ไปกับพระราชดำริของในหลวงดังนั้นการตามเสด็จคือการร่วมรับผิดชอบงานนั้นด้วย ภาพความเป็นคู่พระองค์ต่อสายตาประชาชนที่เสด็จด้วยกัน ยิ่งสร้างความอบอุ่น ความมั่นคงในหัวใจให้ราษฎร ราวกับเห็น “พ่อ...แม่แห่งแผ่นดิน” ที่ไม่ทอดทิ้งคนของพระองค์นอกจากภารกิจทางการแล้ว พระพันปีหลวงยังทรงมีพระเมตตาต่อราษฎร เช่น ตรัสถามความเป็นอยู่ ทรงรับสั่งปลอบโยน และทรงสนับสนุนการฟื้นฟูอาชีพ สิ่งเหล่านี้ทำให้การ “ตามเสด็จ” มีนัยเป็นการประคับประคองผู้ที่เดือดร้อนร่วมกันภาพตามเสด็จที่คนไทยจำได้ ถึงจะเป็นภาพเล็กๆแต่ก็กินใจ...การยืนยิ้มรับของประชาชน การทรงสนทนาอย่างใกล้ชิดกับชาวบ้าน การรับสั่งที่เป็นกันเองและการสวมชุดพื้นเมืองหรือชุดเรียบง่ายเวลาทรงงานนอกพระราชวัง ภาพเล็กๆเหล่านี้สะท้อนคำว่า...“ฉันจะตามเสด็จในหลวงไปทุกที่” ในแบบที่ไม่หวือหวาแต่...ทรงพลังทางใจ ซึ่งสื่อสารได้ดีกว่าคำพูดยิ่งนัก แถลงการณ์สำนักพระราชวัง “สมเด็จพระพันปีหลวง สวรรคตด้วยพระอาการสงบ”ถ้อยคำสั้นๆนั้น...เหมือนหยาดน้ำตาแห่งฟ้า ตกลงกลางใจปวงชนชาวไทยที่เคยได้อยู่ใต้ร่มพระบารมีไม่มีแล้ว...พระผู้เป็น “แม่ของแผ่นดิน” ผู้ทรงเคียงข้างพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ในทุกลมหายใจเหลือเพียง...พระเมตตาที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจคนไทยตราบนิรันดร์ณ วันนี้...เมื่อสายลมพัดผ่านยอดดอยหรือคลื่นซัดฝั่งทะเลไทย เรายังเงยหน้าขึ้นมองฟ้า...และพนมมือรำลึกถึงพระเมตตาด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรัก ความภักดีและความอาลัยสุดขอบแผ่นดินไทย“พระองค์มิได้เสด็จจากไปไกล...หากแต่สถิตอยู่ในทุกหยาดเหงื่อของผู้คนที่พระองค์ทรงห่วงใย”.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม