วันแรก รพ.มงกุฎวัฒนะหยุดรับผู้ป่วยสิทธิบัตรทองไม่วุ่นอย่างที่คิด หลัง สปสช. เขต 13 กทม. ตั้งโต๊ะเตรียมคัดกรองและส่งต่อผู้ป่วยเบื้องต้น แต่ปรากฏว่ามีผู้มาขอย้ายสิทธิเพียง 2 คน เพราะมีเงินติดตัวมาไม่พอจ่ายค่ารักษา ขณะที่บรรยากาศใน รพ.มงกุฎ วัฒนะยังแน่น เต็มไปด้วยผู้ป่วยบัตรทองที่ไม่ยอมย้ายสิทธิ เต็มใจจ่ายค่ารักษาเองไปก่อนในราคาโรงพยาบาลรัฐ เนื่องจากเดินทางไกลไม่สะดวก เพราะสถานพยาบาลที่ สปสช.ให้เลือกใหม่อยู่ย่านกลางเมือง หลายฝ่ายยังลุ้นเดดไลน์วันที่ 24 ต.ค. ให้ สปสช.กับ รพ.มงกุฎวัฒนะเจรจาไกล่เกลี่ยกันสำเร็จกรณีโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โดย นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ. ประกาศหยุดรับผู้ป่วยบัตรทอง เนื่องจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ติดค้างค่ารักษาพยาบาลประชาชนในโครงการชนิดดินพอกหางหมูเกือบ 100 ล้านบาท บรรยากาศที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 16 ต.ค. ซึ่งเป็นวันแรกที่โรงพยาบาลหยุดรับผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามีผู้ป่วยสิทธิ บัตรทองจำนวนมากยังเดินทางมาใช้บริการตรวจรักษาตามสิทธิที่ รพ.มงกุฎวัฒนะอย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.เขต 13 กทม. ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชน พร้อมตั้งจุดอำนวยความสะดวกที่หน้าจุดคัดกรองสิทธิการรักษาผู้ป่วย รพ.มงกุฎวัฒนะ และที่ห้องประชุมชั้น 1 โรงแรมจัมโบเทล ปากซอยแจ้งวัฒนะ 12 เพื่อให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่ไม่ต้องการจ่ายเงินค่ารักษาที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ สามารถเข้ารับบริการที่หน่วยปฐมภูมิก่อน หากเจ็บป่วยเล็กน้อย ส่วนกรณีเจ็บป่วยมากจะประสานทำใบส่งตัวส่งต่อโรงพยาบาลในเครือที่ให้บริการสิทธิบัตรทองต่อไป อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่จำใจจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง เพราะหากต้องถูกส่งต่อไปโรงพยาบาลในเครือสิทธิบัตรทอง อาจต้องเสียค่าเดินทางเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองคนหนึ่งกล่าวว่า ไม่ทราบมาก่อนว่าโรงพยาบาลจะหยุดรับสิทธิ และเตรียมเงินมาเพียง 200 บาท แต่ต้องจ่ายค่ารักษากว่า 4,000 บาท จึงตัดสินใจขอส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลในเครือสิทธิบัตรทอง เพื่อไม่ต้องจ่ายเงินในวันนี้ ซึ่ง สปสช.จัดรถจากมูลนิธิเส้นด้ายไว้คอยอำนวยความสะดวกที่ด้านหน้าโรงแรมจัมโบเทล ขณะที่ญาติผู้ป่วยอีกคนเผยว่า รู้สึกกังวลหากต้องเปลี่ยนสิทธิไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นซึ่งอยู่ไกลออกไป เช่น ย่านสีลม เพราะต้องเสียค่าเดินทางเพิ่ม ทั้งที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะอยู่ใกล้บ้านและเคยใช้บริการมาตลอด จึงอยากให้กลับเข้าโครงการเหมือนเดิมด้านนายณัฐพล อิ่มแก้ว ผู้อำนวยการกลุ่ม สปสช.เขต 13 กทม. รับผิดชอบพื้นที่เขตหลักสี่ และดอนเมือง เผยว่า ขณะนี้มีจุดให้คำปรึกษาและบริการย้ายสิทธิ ตั้งอยู่ที่โรงแรมจัมโบเทลถึงวันที่ 24 ต.ค. เบื้องต้นผู้ป่วยสิทธิบัตรทองสามารถมาขอรับใบส่งตัวไปตรวจรักษาที่หน่วยบริการปฐมภูมิ ที่เป็นคลินิกในพื้นที่เขตดอนเมืองและหลักสี่จำนวน 7 แห่ง กับศูนย์บริการสาธารณสุข 53 ทุ่งสองห้อง และศูนย์บริการสาธารณสุข 23 สุคนธ์มโนชญากร แต่หากการตรวจรักษาเกินความสามารถคลินิกและศูนย์บริการสาธารณสุขรองรับได้ จะส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี รพ.ราชวิถี 2 รพ.พระนั่งเกล้า หรือ รพ.บางกรวย“ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ได้รับผลกระทบจากกรณี รพ.มงกุฎวัฒนะหยุดให้บริการมีประมาณ 50,000 คน หาก สปสช.และโรงพยาบาลสามารถเจรจาตกลงกันได้ อาจกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ แต่หากไม่สามารถตกลงกันได้ หลังวันที่ 24 ต.ค. ประชาชนจะต้องเลือกหน่วยบริการปฐมภูมิใหม่ ผ่านทางแอปพลิเคชัน สปสช. หรือไลน์ @nhsp ซึ่งขณะนี้มีผู้มีสิทธิบัตรทอง 2 คน มาขอให้ สปสช.ส่งต่อไปตรวจรักษาที่สถานพยาบาลแห่งใหม่ เพราะไม่มีเงินสดเพียงพอจ่ายค่ารักษาเอง สำหรับหน่วยบริการทางการแพทย์แห่งใหม่ที่ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองขอย้ายสิทธิการรักษาจาก รพ.มงกุฎวัฒนะไปในพื้นที่เขตหลักสี่และดอนเมือง นอกจากคลินิกในพื้นที่เขตดอนเมืองและหลักสี่จำนวน 7 แห่ง กับศูนย์บริการสาธารณสุข 53 ทุ่งสองห้อง และศูนย์บริการสาธารณสุข 23 สุคนธ์มโนชญากรแล้ว ยังมี รพ.ไอเอ็มเอช ย่านสีลม และ รพ.แพทย์ปัญญา ย่านคลองตันด้วย”ผู้อำนวยการกลุ่ม สปสช.เขต 13 กทม.กล่าวต่อมา นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตั้งแต่เช้ายังคงมีผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ขึ้นตรงกับ รพ.มงกุฎวัฒนะจำนวนมาก ยังคงยืนยันไม่ย้ายสิทธิไป รพ.อื่นๆตามที่ สปสช.จัดให้ และผู้ป่วยสิทธิบัตรทองจากคลินิกต่างๆจำนวนมากที่ส่งต่อ รพ.ต่างๆตามที่ สปสช.สร้างปัญหาความเดือดร้อนกำหนดให้ส่งต่อผู้ป่วยข้ามฟากข้ามแม่น้ำจากนอกเมืองไปยัง รพ.ใจกลางเมือง เดินทางมาใช้โครงการ “บัตรทองแพลตตินั่ม จ่ายเงินเองในราคา รพ.รัฐ แอดมิตใช้สิทธิบัตรทอง” และผู้ป่วยสิทธิประกันสังคมที่ รพ.มงกุฎวัฒนะกำลังพยายามลดจำนวนรับขึ้นทะเบียนลงครึ่งหนึ่ง ด้วยการเชิญชวนผู้ประกันตนสิทธิประกันสังคมที่ไม่พึงพอใจการบริการโปรดย้ายสิทธิไปยัง รพ.อื่นในปลายปี 68 นี้พล.ต.นพ.เหรียญทองกล่าวอีกว่า รพ.มงกุฎวัฒนะขอประทานอภัยในความไม่สะดวกแก่ท่านที่ไม่พึงพอใจ หากท่านอดทนไม่ไหวโปรดย้ายสิทธิไปยัง รพ.ตามที่ สปสช.และประกันสังคมจัดให้ สำหรับท่านที่อดทนได้ ยังพึงพอใจ รพ.มงกุฎวัฒนะอยู่ ผมขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างมากถึงแม้ รพ.มงกุฎวัฒนะจะแออัด แต่มีขีดความสามารถทางการแพทย์เฉพาะทางในระดับตติยภูมิขั้นสูง เราสามารถรักษาโรคร้ายแรง เรื้อรัง ซับซ้อน มานานกว่า 30 ปี เรามีความเข้มงวดในการรักษาความสงบเรียบร้อย ปลอดภัย ปลอดอันธพาลผู้ไร้มารยาทสังคม บุหรี่ สารเสพติด แต่เรามีข้อเสียคือ เราไม่ตามใจผู้ใช้บริการที่เอาแต่ใจครับที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เอกซเรย์ปัญหาการขาดทุนที่แท้จริงของโรงพยาบาลว่า ตนหารือกับ นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และสั่งการให้ตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น เบื้องต้นภาพที่เกิดขึ้นคือ โรงพยาบาลที่ขาดทุนปัญหาส่วนหนึ่งจะเป็นโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีประชากรน้อย ได้รับการจัดสรรงบประมาณอาจไม่เพียงพอกับต้นทุนที่โรงพยาบาลมีอยู่ อีกส่วนคืองบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไม่เพียงพอ กำลังเข้าไปดูในรายละเอียด ตนและปลัด สธ.หารือกันมองว่ากระทรวงมีหลายแนวทางที่เตรียมแก้ปัญหา เช่น โรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลขนาดเล็ก ให้ช่วยจัดสรรงบประมาณลงไปยังโรงพยาบาลขนาดเล็กที่มีจำนวนประชากรน้อยจะเป็นไปได้หรือไม่“ขอยืนยันว่าโครงสร้างระบบสาธารณสุขในภาพรวมของการบริหารมีความแข็งแรงดี มีเพียงบางโรงพยาบาลที่มีประชากรน้อยหรือมีโรคที่ต้องดูแลเพิ่มมากเป็นพิเศษ อาจทำให้ขาดทุนเป็นครั้งคราวหรืออาจจะขาดทุนต่อเนื่องได้ แต่ภาพรวมของทั้งประเทศยังยืนยันว่าระบบการให้บริการของเรายังแข็งแรง มีความมั่นคง” นายพัฒนากล่าวด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวถึงการแก้ไขปัญหากรณีโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ หยุดให้บริการผู้ป่วยนอกสิทธิบัตรทองว่า สปสช.ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพมหานคร เตรียมโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 5 แห่งเข้ามาดูแลคือ รพ.ราชวิถี รพ.ราชวิถี 2 รพ.พระนั่งเกล้า รพ.บางกรวย รพ.ปากเกร็ด และโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร 1 แห่งคือ รพ.บุษราคัมจิตการุณย์ (เขตสายไหม) ผู้ป่วยนอกสิทธิบัตรทอง รพ.มงกุฎวัฒนะ เมื่อมารักษาผู้ป่วยนอกที่ รพ.ตามสิทธิแล้ว แต่ถูกปฏิเสธการใช้สิทธิบัตรทอง หรือผู้ป่วยที่ทราบข่าวแล้วแต่มีความจำเป็นต้องไปรับบริการและไม่ทราบว่าจะต้องไปที่ไหน สามารถมาที่จุดบริการเฉพาะกิจของ สปสช.ที่ชั้น 1 โรงแรมจัมโบเทล ตั้งอยู่ใกล้ๆ รพ.มงกุฎวัฒนะ ระหว่างวันที่ 16-24 ต.ค.เวลา 08.00-15.00 น. หรือโทร.สอบถามสายด่วนสปสช. 1330 เพื่อรับคำแนะนำในการใช้สิทธิบัตรทอง“ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินเบื้องต้นจากพยาบาล เพื่อประสานไปยัง รพ.รับส่งต่อตามความเหมาะสม และจะมีรถรับส่งโดยมูลนิธิเส้นด้ายเพื่อส่งตัวผู้ป่วยไปรับบริการในโรงพยาบาลด้วย ทั้งนี้จะเป็นการส่งต่อโดยสายด่วน สปสช.1330 เท่านั้น ผู้ป่วยไม่สามารถเดินทางไปเองได้โดยตรง ผู้ป่วยสามารถมาที่ศูนย์บริการเฉพาะกิจเพื่อให้พยาบาลประเมินอาการเบื้องต้น หรือหากไม่สะดวกสามารถโทร.สายด่วน สปสช. 1330 ได้เช่นกัน นอกจากนั้นที่จุดบริการเฉพาะกิจนี้ ยังมีพยาบาลจากแอปพลิเคชัน “คลิกนิก” ให้บริการหาหมอออนไลน์ส่งยาถึงบ้านมาให้บริการด้วย พยาบาลจะประเมินอาการเบื้องต้น หากเจ็บป่วยเล็กน้อย ผู้ป่วยเลือกพบแพทย์ผ่านออนไลน์และรอรับยาที่จะจัดส่งถึงบ้านได้เลย” ทพ.อรรถพรกล่าวอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่