“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจ บก. ปปป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. บุกสำนักงาน ส.ป.ก.สระบุรี จับกุมเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน รวม 6 คนร่วมทุจริตเอื้อประโยชน์ออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบให้กลุ่มนายทุนรุกที่ป่ารอบภูนับดาว 4 แปลงกว่า 600 ไร่ หลังสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมานานหลายเดือนจนพบความผิดชัดเจน มีการแบ่งหน้าที่กันทำทั้งเซ็นใบรับรองสภาพพื้นที่เป็นเกษตรกรรมทั้งที่ยังเป็นป่าและรับรองคุณสมบัติผู้ขอโดยไม่ตรวจสอบจริง ขออนุมัติศาลออกหมายจับ 3 ข้อหาตามรวบยกก๊วน เร่งขยายผลตามคืนผืนป่ากลับมาให้ครบปฏิบัติการบุกจับเจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิที่ดินป่าไม้เอื้อนายทุนครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 8 ส.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ป. พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผกก.กก. 2 บก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายพัฒน์พงษ์ สมิตติพัฒน์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ ร่วมกันนำกำลังเข้าตรวจค้นสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี จับกุมตัวนายวิชยุตม์ เดชโชติวิรุฬห์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ส.ป.ก.สระบุรี และนายสิปปกร โกจินอก อายุ 57 ปี กำนันตำบลหนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงาน แต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังติดตามจับกุมผู้ต้องหาอีก 4 คน ประกอบด้วย นายอรุณ ศรีนาทม อายุ 56 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ส.ป.ก.สระบุรี นายบรรจง ปองนาน อายุ 56 ปี เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.หนองบัวลำภู นายกิติวุฒิ ศัพทเสวี อายุ 40 ปี นิติกรชำนาญการพิเศษ รรท.ปฏิรูปที่ดินสระบุรี และนายพลกฤษณ์ สุขแพทย์ อายุ 61 ปี ผู้ช่วยรังวัด ส.ป.ก.สระบุรี ตามหมายจับในข้อหาเดียวกันปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากมีการตรวจพบการบุกรุกตัดไม้ถางป่า ก่อสร้างอาคาร บริเวณป่าไม้รอบภูนับดาว อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี จำนวนหลายร้อยไร่ ขยายผลตรวจสอบการเข้าครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวจนพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุนด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมกันกระทำผิดมีทั้งหมด 6 คน ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิให้นายทุนโดยมิชอบ มีการแบ่งหน้าที่กันทำงานอย่างชัดเจน อาทิ เซ็นใบรับรองสภาพพื้นที่เป็นเกษตรกรรมทั้งที่ยังเป็นผืนป่า และรับรองคุณสมบัติผู้ขอโดยไม่ตรวจสอบจริง การจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบรังวัดพื้นที่ เมื่อพบหลักฐานการกระทำผิดที่แน่ชัด พนักงานสอบสวน บก.ปปป.รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้ง 6 คน ก่อนจะติดตามจับกุมได้ครบทั้งหมดต่อมาเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมคณะ ลงพื้นที่สำรวจผืนป่าจุดที่ถูกนายทุนบุกรุกใน อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี โดย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวว่า เป็นปฏิบัติการตามนโยบายทวงผืนป่าให้กับเกษตรกรผู้ยากไร้ ที่มาที่ไปเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 58 ป.ป.ท.ร่วมกับกรมป่าไม้ดำเนินคดีกับประชาชนที่บุกรุกป่าในพื้นที่ จ.สระบุรี 5 ราย ศาลพิพากษาโทษจำคุกทั้ง 5 ราย หลังจากผู้ต้องหาพ้นโทษ สำนักงาน ส.ป.ก.สระบุรี ได้จัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกรทั้ง 5 ราย ที่มีความผิดปกติ มีการตรวจสอบขยายผลการมอบที่ดินให้ทั้ง 5 รายอย่างเข้มข้นปรากฏว่าพบความผิดปกติ มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานบางอย่างชี้ชัดว่าอาจจะมีการทุจริตจากคน 3 กลุ่มคือ กลุ่มเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. กลุ่มประชาชนที่อาจเป็นนอมินีหรือผู้มีสิทธิ์ และกลุ่มนายทุน มีการออกเอกสารสิทธิที่ดินของ ส.ป.ก.ขยายไปอย่างรวดเร็วเกือบ 600 ไร่ จนเป็นที่น่าตกใจพ.ต.ท.สิริพงษ์เผยต่อไปว่า ป.ป.ท.ดำเนินการ 2 ส่วน ส่วนแรกที่ส่ง ป.ป.ช.ไปคือเรื่องบุกรุกที่ป่าสร้างรีสอร์ตหรูบนภูนับดาว ขณะนี้เรื่องยังอยู่ที่ ป.ป.ช. อีกส่วนคือ 4 แปลงเนื้อที่ 600 ไร่ที่มาตรวจวันนี้ เข้าร้องทุกข์กับ บก.ปปป. หลังจากมีการบูรณาการกับกระทรวงเกษตรฯ กรมป่าไม้ สำนักงาน ป.ป.ช. หลายเดือนที่ผ่านมาได้เก็บหลักฐานอย่างเข้มข้นจนนำมาสู่ปฏิบัติการในวันนี้ที่เข้าจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐ ส.ป.ก. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่มีส่วนเกี่ยวพันกับการออกเอกสารสิทธิโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ได้ร่วมบูรณาการกับ ป.ป.ท. ป.ป.ช. กรมป่าไม้ และกระทรวงเกษตรฯ ในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ละเมิด จากการสืบสวนร่วมกันพบว่าที่แปลงนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 100 ไร่ในภูนับดาว ที่เป็นประเด็นอยู่ ขณะนี้ ป.ป.ช.รับไปดำเนินการเองและยังไม่ส่งกลับ และส่วนที่สองคือพื้นที่ 600-700 ไร่ ป.ป.ช.ส่งให้เราดำเนินการ ได้สืบสวนสอบสวนเก็บหลักฐานข้อมูลปรากฏว่ามีพื้นที่เสียหายเป็นจำนวนมาก สิ่งที่ดำเนินการเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าไม่ได้รังแกใคร ทำไปตามขอบเขตของกฎหมาย ก่อนหน้านี้เคยมาที่พื้นที่ดังกล่าวแล้ว ข้างหลังยังเป็นป่าไม้ที่สมบูรณ์ ไม่ใช่พื้นที่ทำมาหากิน กลับมีนายทุนมาร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐยึดพื้นที่ไปให้กับผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ วันนี้จึงมาบังคับใช้กฎหมายใน 4 แปลงนี้ หลังจากนั้นจะขยายผลไปยังพื้นที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับที่ดินทั้งหมด จะตามเอากลับมาให้ครบ ไม่ใช่เอาพื้นที่นี้ไปแจกนายทุนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่