ปัตตานีระส่ำ คนร้ายหย่อนระเบิดใส่ถังขยะริมถนนช่วงค่ำ บึมสนั่นหน้าตลาดโต้รุ่ง 2 ลูกซ้อน รถ จยย.พังยับ 2 คัน แม่ค้าขายน้ำเต้าหู้รับเคราะห์หูดับ รุ่งเช้าเจอระเบิดอีกลูกวางใต้โต๊ะขายน้ำหวาน เจ้าของร้านตาไวเห็นก่อน รีบแจ้งเจ้าหน้าที่เก็บกู้ทัน พบตั้งเวลาบึมพร้อมกับอีกสองลูกที่ระเบิดแล้ว คาดโจรใต้ต้องการแสดงพลัง โชว์ศักยภาพเด็กรุ่นใหม่ หวังทำลายเศรษฐกิจ ฉีกหน้าหน่วยความมั่นคง หมดปัญญาป้องกัน “พื้นที่ไข่แดง” ทำให้ชาวบ้านผวาหนักสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคุกรุ่นต่อเนื่อง คนร้ายลอบก่อเหตุความรุนแรงรายวัน ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ว่า เวลา 20.05 น. คืนวันที่ 8 มิ.ย. ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้น 2 จุด ริมถนนพิพิธ หน้าตลาดโต้รุ่ง ต.อาเนาะรู เขตเทศบาลเมืองปัตตานี จุดแรกอยู่ในถังขยะใกล้ป้ายชุมชนโต้รุ่ง หน้าห้างทองอินเตอร์เนชั่นแนล แรงระเบิดทำให้ถังขยะพลาสติกแตกละเอียด รถ จยย.ชาวบ้านที่จอดอยู่ริมถนน 2 คันพังเสียหาย สะเก็ดระเบิดเจาะทะลุตู้สัญญาณไฟมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ถูกนำส่ง รพ.ปัตตานี ชื่อนางอินทิรา นวพรนิมิต อายุ 60 ปี แม่ค้าขายน้ำเต้าหู้รถเข็น มีอาการหูดับ แพทย์ช่วยเหลือปลอดภัย ในที่เกิดเหตุพบชิ้นส่วนกล่องเหล็กที่คนร้ายใช้บรรจุระเบิด ห่างกัน 3 นาที ในเวลา 20.08 น. ได้เกิดระเบิดอีก 1 จุด หน้าโรงแรมแพลเล็สโฮเต็ล ซอยเทศวิวัฒน์ 2 ต.อาเนาะรู ห่างจากจุดแรก 100 เมตร ทำให้ถังขยะที่คนร้ายนำระเบิดไปซุกไว้ถูกแรงอัดระเบิดแตกละเอียด สอบสวนทราบว่า ขณะที่ประชาชนเดินจับจ่ายซื้อของในตลาดโต้รุ่งที่เปิดขายทุกคืนตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงเที่ยงคืน จู่ๆได้เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น 2 ลูก แรงระเบิดทำกระจกอาคารแตก พ่อค้าแม่ค้าและชาวบ้านที่มาซื้อสินค้าต่างตกใจวิ่งหนีเอาตัวรอด เมื่อสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ พ่อค้าแม่ค้ารีบเก็บร้านกลับบ้านทันที ภายในเขตเทศบาลเงียบเหงาทันตาเห็น เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายมี 2 ชุด ขี่รถ จยย.มาจอดใกล้ถังขยะทั้ง 2 จุด ก่อนหย่อนระเบิดแสวงเครื่องใส่ถังขยะแล้วบึ่งรถหลบหนี หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ไล่เช็กภาพกล้องวงจรปิดเร่งหาตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งเตือนว่าจะมีการวางระเบิดในเขตเมืองปัตตานี จำนวน 4 ลูกเพื่อสร้างสถานการณ์ความไม่สงบแม่ค้ารายหนึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเพียง 5 เมตรเล่าว่า เกิดระเบิด 2 ลูก ลูกแรกหน้าตลาด ตนยืนงง พอตั้งสติได้มั่นใจเป็นระเบิดแน่ กำลังเก็บข้าวของ สักพักเกิดระเบิดลูกที่ 2 หลังตลาดเสียงดังมากจนหูอื้อ ตอนนี้รู้สึกกังวลใจและหวาดวิตกไม่กล้าใช้ชีวิตตามปกติ แถวนี้มีเด็กๆกับชาวบ้านเดินไปเดินมาจำนวนมาก เมื่อเกิดระเบิดในพื้นที่ชั้นในของเมืองปัตตานีเช่นนี้ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เพราะไม่มั่นใจความปลอดภัย เจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินประชาชนได้ ทั้งที่ตั้งด่านตรวจค้นทั่วเมือง แต่กลับปล่อยคนร้ายเล็ดลอดเข้ามาก่อเหตุรุนแรงได้อย่างง่ายดายต่อมาในช่วงเช้าวันที่ 9 มิ.ย. พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผกก.สภ.เมืองปัตตานี นำกำลังประสานชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) ไปเก็บกู้วัตถุระเบิดวางอยู่ใต้โต๊ะขายน้ำหวานหน้าร้านขายแว่นตา สี่แยกมาเรียม ถนนมะกรูด ต.สะบารัง อ.เมืองปัตตานี เจ้าหน้าที่ใช้หุ่นยนต์กู้ระเบิดเข้าตรวจสอบ พบเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในท่อแป๊บเหล็กขนาด 2 กก. จุดชวนด้วยการตั้งเวลาให้ระเบิดทำงานในเวลา 20.00 น. เชื่อว่าจะให้เกิดระเบิดพร้อมกับระเบิดอีก 2 ลูก ที่ระเบิดไปแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ระเบิดลูกนี้ไม่ทำงาน เจ้าของร้านร้านแว่นตาเล่าว่า ช่วงเช้ามาเปิดร้านแว่น พร้อมทำน้ำหวานเตรียมขายในช่วงเช้า เหลือบไปเห็นถุงพลาสติกวางอยู่ใต้โต๊ะ เปิดออกดูถึงกับสะดุ้ง พบเป็นระเบิดไปป์บอมบ์ รีบวิ่งหนีออกจากร้านและแจ้งเจ้าหน้าที่จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพคนร้ายได้ชัดเจน คนร้าย 2 คนสวมชุดกีฬา ขี่รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีดำ คนขี่ใส่เสื้อกีฬาลายขาวเขียว กางเกงบอลขาสั้นสีดำ สวมหมวกกันน็อก คนซ้อนท้ายใส่เสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงบอลสีดำ คนซ้อนท้ายลงจากรถ นำระเบิดแสวงเครื่องมาวางไว้ใต้โต๊ะขายน้ำหวานช่วงเวลา 19.50 น. ตั้งเวลาระเบิดไว้ที่ 20.00 น. จากนั้นขึ้นรถ จยย.เร่งเครื่องออกไปชุดสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคงระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้สายข่าวได้รายงานมาก่อนแล้วว่า กลุ่มก่อความไม่สงบมีแกนนำ 2 คน คือ นายอับดุลเลาะ มะแด และนายมูฮำหมัด กาซอ มือระเบิดในเขตเมืองได้ประชุมวางแผนร่วมกับแนวร่วมชุดใหม่ที่ผ่านการฝึกจากประเทศเพื่อนบ้าน นำระเบิดแสวงเครื่องแบบตั้งเวลา 4 ลูก ให้แนวร่วมชุดใหม่ไปก่อเหตุในเขตเมืองปัตตานี เพื่อทดลองงานหากผ่านจะยกเป็นชุดปฏิบัติการณ์ในพื้นที่ สายข่าวยังระบุอีกว่า คนร้ายยังจะใช้ระเบิดขนาดเล็กกระจายไปในอีกหลายพื้นที่ เพื่อสร้างความวุ่นวายให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และฉีกหน้าเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะโซนปลอดภัย หรือ “พื้นที่ไข่แดง” ที่มีเจ้าหน้าที่คุ้มกันเข้มงวด เพราะหากคนร้ายปฏิบัติการณ์สำเร็จได้ในหลายๆพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จะทำลายความเชื่อมั่นและส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่