โฆษก ป.ป.ช.แจง “ทวีวัฒน์” เจ้าของเงิน 12 ล้านบาท เป็นสามีข้าราชการ ป.ป.ช.ในระดับ ผอ. ตามกฎหมายต้องแจ้งทรัพย์สินและหนี้สิน จ่อเช็กข้อมูลย้อนหลัง ขณะที่ผู้การแจง แบ่งงานทำเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย เก็บหลักฐาน ตรวจเส้นทางเงิน และหาแหล่งที่มา ประสาน บก.ปปป.และ ป.ป.ท.เข้ามาร่วมตรวจสอบประชาชนยังให้ความสนใจถึงที่มาของเงิน 12 ล้านบาท หลังชาวบ้านพบกล่องพลาสติกสีเทาขนาดใหญ่วางทิ้งไว้บริเวณข้างถังขยะใกล้ลิฟต์ ภายในคอนโดมิเนียมเมืองทองธานี ชั้น 4 อาคารพี 2 โซนซี ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มีเสื้อกีฬาวางทับเงิน 12 ล้านบาท ข้างกล่องพลาสติกพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และซองจดหมายตราครุฑ ตัวอักษรสีแดง “ด่วนที่สุด” สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ระบุชื่อนายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว อนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ ต่อมานายทวิีวัฒน์ เดินทางมาที่ สภ.ปากเกร็ด เข้ามาพบพนักงานสอบสวนแจ้งว่า พักอยู่ที่ชั้น 5 ของคอนโด ช่วงบ่ายวันที่ 5 มิ.ย. ท่อประปาในห้องน้ำแตก ตามช่างมาซ่อมและย้ายข้าวของออกมาข้างนอก เมื่อซ่อมท่อเสร็จลืมเก็บกล่องพลาสติก กระทั่งมีชาวบ้านเจอยืนยันเงินจำนวนดังกล่าวเป็นของตนที่ได้มาอย่างสุจริตจากการว่าความคดีต่างๆ แล้วเก็บไว้ตั้งแต่ปี 63 ต่อมาปี 65 รับตำแหน่งที่ปรึกษาบอร์ด กสทช. ขณะที่ตำรวจเก็บเงินใส่กล่องไว้ในห้องขังของโรงพักเพื่อรอตรวจสอบความคืบหน้าช่วงบ่ายวันที่ 7 มิ.ย. นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า กรณีการพบเงินสด 12 ล้านบาท ถูกทิ้งที่คอนโดเมืองทองธานี มีนายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว แสดงตนว่าเป็นเจ้าของเงิน พบว่าชายคนดังกล่าวมีสถานะเป็นสามีของข้าราชการ ป.ป.ช. ระดับผู้อำนวยการ ตามกฎหมายจะต้องแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน อีกทั้งยังเป็นอนุกรรมการชุดต่างๆของกรรมการ ป.ป.ช.ด้วยนั้น สำนักงาน ป.ป.ช.ขอชี้แจงว่า นายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว เป็นสามีของข้าราชการท่านหนึ่งระดับผู้อำนวยการของสำนักงาน ป.ป.ช.จริง และเงินสดจำนวน 12 ล้านบาทดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นส่วนหนึ่งของรายการในบัญชีทรัพย์สินที่จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินฯด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ ในประเด็นการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการของคณะกรรมการ ป.ป.ช. นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะแต่งตั้งตามความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ และคุณวุฒิของบุคคลนั้นๆ ทั้งนี้ หากมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมสำนักงาน ป.ป.ช.จะชี้แจงในขั้นตอนต่อไปขณะเดียวกันแหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงาน ป.ป.ช.ให้ข้อมูลว่า นายทวีวัฒน์เคยได้รับเชิญจาก พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. มาเป็นที่ปรึกษาและร่วมเป็นอนุกรรมการไต่สวนคดีสำคัญของ ป.ป.ช.หลายคดี เนื่องจาก พล.อ.บุณยวัจน์ เคยทำงานที่ กสทช. และนายทวีวัฒน์เคยอยู่ กสทช. ดังนั้น ติดต่อดึงมาช่วยงานอนุไต่สวน ปัจจุบันยังเป็นอนุกรรมการไต่สวนคดีร่ำรวยผิดปกติของนางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการ ป.ป.ช. นอกจากนี้ นายทวีวัฒน์ยังมีสถานะเป็นสามีข้าราชการ ป.ป.ช.ระดับผู้อำนวยการด้วย ตามกฎหมายจะต้องแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท ป.ป.ช.คงจะต้องเข้าไปดูว่า มีแจ้งอยู่ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือไม่ ส่วนการทำหน้าที่อนุกรรมการชุดต่างๆ ถ้ากรรมการ ป.ป.ช.รายเก่าหมดวาระ ถ้าอนุกรรมการรายใดไม่มีปัญหาจะให้อนุกรรมการรายนั้นทำหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆสำหรับ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ เป็นอดีตนายทหารสายตรวจสอบ จบปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) ปริญญาบัตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 47 ก้าวหน้าในวิชาชีพด้วยการดำรงตำแหน่ง ผอ.กองตรวจสอบและวิเคราะห์ สำนักงานปลัดบัญชี กองทัพบก ในปี 2539 ก่อนขึ้น ผอ.กองสำรวจและจัดหน่วย สำนักงานปลัดบัญชี ปี 2543 ต่อมาในปี 2545 เป็นผู้ช่วยปลัดบัญชีทหารบก ถัดมาอีก 2 ปี ในปี 2547 เป็น ผอ.สำนักงานตรวจสอบภายในทหารบก ต่อมาในปี 2552 ขึ้นเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม และท้ายสุดในปี 2554 เป็น ผอ.สำนักงบประมาณกลาโหม และเป็นประธานกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. หรือซุปเปอร์บอร์ด กสทช. ก่อนจะเริ่มเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 พ้นตำแหน่งในช่วงเดือนมีนาคม 2566 เนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ส่วนนายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว ในช่วงปี 2565-ปัจจุบัน ปรากฏชื่อเป็นคณะอนุกรรมการสำคัญของ กสทช.หลายชุด อาทิ คณะอนุกรรมการเพื่อศึกษาและวิเคราะห์กรณีการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรูคอร์ ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ด้านกฎหมาย คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีดำเนินการของสำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เป็นต้นต่อมาเวลา 17.30 น. ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.อ.พูนสุข เตชะประเสริฐพร ผกก.1 บก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.จิรายุส วานิชกูล ผกก.สส.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.ท.การุณย์ ลิมปิโรจน์ฤทธิ์ รอง ผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด พร้อมด้วยทีมสืบสวน ภ.1 สืบสวน ภ.จ.นนทบุรี สืบสวน สภ.ปากเกร็ด และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเงิน 12 ล้านบาท ร่วมกันประชุมกำหนดทิศทางดำเนินการเรื่องที่มาเงิน 12 ล้านบาท ใช้เวลาประชุมกว่า 1 ชม.พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ. จ.นนทบุรี กล่าวว่า แบ่งหน้าที่เป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเกี่ยวข้องกับโรงพักที่ต้องดำเนินการประสานงานกับทางธนาคาร และเก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ สอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่ 2 ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และส่วนที่ 3 เรื่องเงินว่าได้มาอย่างไร พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ประสานให้ตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้ามาร่วมตรวจสอบ ส่วนธนบัตร 12 ล้านบาท ตำรวจจะต้องตรวจลายนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอเพิ่มเติม ธนบัตรออกมาจากธนาคารกสิกรไทยที่เดียว ผู้แสดงตนเป็นเจ้าของมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ ตำรวจจะนำข้อเท็จจริงจากธนาคารและ พฐ.มาเทียบเพื่อยืนยันพล.ต.ต.กิตติ์ธเนศกล่าวว่า ในส่วนของกล้องวงจรปิดตรวจสอบพบว่าไม่สามารถบันทึกได้ นอกจากนี้ยังเรียกพยานมาสอบเพิ่มเติมอีกหลายปาก ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่พบเงิน ในส่วนจะเชื่อมโยงถึงใครจะขอดูข้อมูลจากธนาคารก่อน ตำรวจนัดนายทวีวัฒน์มาสอบปากคำเพิ่มเติมในช่วงบ่ายวันที่ 8 มิ.ย.นี้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่