ไทยเริ่มแล้ว มาตรการกดดันเขมรจากเบา ไปหาหนัก เลื่อนเวลาเปิดปิดด่านชายแดน “เปิดช้า-ปิดเร็ว” คุมเข้มคนเข้าออก โดยเฉพาะ อย่างยิ่งกลุ่มคนไปบ่อน-ทำเรื่องผิดกฎหมาย มีผลทันที ด้านกระทรวงบัวแก้วจวกเขมรไม่จริงใจในการร่วมแก้ปัญหาเหตุพิพาท ละเมิดอธิปไตยไทย หนำซ้ำยังจะล้มโต๊ะประชุม JBC ทั้งที่ไทยย้ำจุดยืนหาทางออกด้วยสันติวิธี ขณะที่ทัพบก ออก 4 ข้อ ในการคุมเข้มจุดผ่านแดน ส่วนชาวบ้าน ติดชายแดนบ่นอุบความขัดแย้งทำการค้าเงียบเหงา แต่ก็พร้อมรับมือหากมีการปะทะกัน จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่ปะทุแรงขึ้นมาตั้งแต่การปะทะของทหารสองฝ่ายที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จนนำไปสู่การเสริมกำลังทหารเข้าดูแลตามแนวชายแดน และจุดผ่านแดนต่างๆ“ภูมิธรรม” เสียดายข้อเสนอถูกเมินเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. เวลา 07.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ออกแถลงการณ์ระบุว่า เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ได้หารือร่วมกับ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมของกัมพูชา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังการหารือมีข้อมูลบางประการเผยแพร่สู่สาธารณะที่คลาดเคลื่อนจากเนื้อหาที่ได้หารือ เป็นที่น่าเสียดายที่ข้อเสนอดีๆ ซึ่งจะนำไปสู่การลดการเผชิญหน้าและสันติภาพ ถูกปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้นกลับมีการเพิ่มกำลังทางการทหารที่ยิ่งเพิ่มความตึงเครียด เราเองก็จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการและเสริมกำลังด้วยเช่นเดียวกันไม่ยอมให้ใครละเมิดอธิปไตยนายภูมิธรรมกล่าวว่า เน้นย้ำจุดยืนตามที่ได้หารือกับนายกฯ ดังนี้ 1.ไทยจะไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตย ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดทั้งสิ้น และพร้อมปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างสุดกำลัง 2.ขอยืนยันสนับสนุนกองทัพให้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง และให้กำลังใจแก่กำลังพลทุกนายที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย 3.รัฐบาลไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2503 และยืนยันการใช้กระบวนการเจรจาแบบทวิภาคีตาม MOU 2543 ซึ่งทั้งสองฝ่ายเคยเห็นพ้องร่วมกัน และยืนยันให้การประชุม JBC เป็นเวทีเพื่อหาทางออกโดยสันติวิธีอย่างเร็วที่สุด 4.ไทยเน้นย้ำจุดยืนเดิม ที่ขอให้มีการปรับกำลังในพื้นที่ของทั้งสองฝ่าย ให้กลับสู่ที่ตั้งเดิมตามการปฏิบัติในปี พ.ศ.2567 เพื่อลดเงื่อนไขการยกระดับความตึงเครียดและการเผชิญหน้า สุดท้ายนี้ขอยืนยันอย่างชัดเจนว่าไม่เคยเห็นด้วยกับการกระทำของใครก็ตามที่รุกล้ำอธิปไตยของไทย โดยรัฐบาลและกองทัพพร้อมจะปกป้องและรักษาอธิปไตยของประเทศอย่างถึงที่สุดเตรียมถก 7 ผวจ.ติดเขมรด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 07.30 น. ถึงสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชาว่าได้ประชุมกับปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง และ ผวจ.อุบลราชธานี ถึงการเตรียมพร้อมสนับสนุนเป็นแนวหลัง เพื่อเกิดความมั่นคงและความมั่นใจว่าประชาชนจะใช้ชีวิตได้ตามปกติสุข หากมีความจำเป็นเร่งด่วนใดที่ต้องอพยพ เราพร้อมมีศูนย์พักพิง โรงพยาบาลสนาม อาหารการกิน จัดชุด ชรบ. และชุด อส.ไปดูแลบ้านเรือน ชุมชนพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน 7 จังหวัด และวันที่ 11 มิ.ย.จะเชิญ ผวจ.ตามแนวเขตชายแดนไทย-กัมพูชาทั้ง 7 จังหวัด ไปประชุมที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าแนวทางในการสนับสนุนส่วนหน้า และแนวทางดูแลประชาชนจะต้องเกิดประสิทธิภาพสูงสุด“จิรายุ” เผย “อันวาร์” ช่วยไกล่เกลี่ยขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าเมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 6 มิ.ย. นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ได้โทรศัพท์หารือกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสมเด็จ ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ประธานอาเซียนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทยและกัมพูชา ขอให้ทั้ง 2 ประเทศใช้ความอดกลั้นลดความตึงเครียด และร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีในทุกมิติ โดยนายกฯได้ขอบคุณนายอันวาร์ที่โทรศัพท์มาสอบถามสถานการณ์ และพร้อมให้ความช่วยเหลือในการเจรจาพร้อมย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ และการปกป้องอธิปไตยของไทยตามหลักสากลระหว่างประเทศ และถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องขออย่าเชื่อ-แชร์ข้อมูลเท็จส่วนนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา พบว่ามีการบิดเบือนข้อมูลเพื่อให้ประชาชนสนใจ ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ตื่นตระหนก รัฐบาลโดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจสอบพบว่ามีมากถึง 33 ข่าว เป็นข่าวปลอม ประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจมากที่สุดคือ ข่าวปลอมที่อ้างว่า “รัฐบาลไทยเตรียมประกาศปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา 6 แห่ง” ซึ่งไม่เป็นความจริง สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในวงกว้าง ยืนยันว่าทุกด่านยังเปิดให้บริการตามปกติ และได้ทำการปิดกั้นการเผยแพร่แล้ว ขอให้ประชาชนรับข้อมูลจากช่องทางทางการ และสื่อหลักที่น่าเชื่อถือเท่านั้น สามารถตรวจสอบข้อมูลกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย หรือโทร.สายด่วน 1111 ตลอด 24 ชั่วโมง หากพบโพสต์ ข้อความต้องสงสัยสามารถ ส่งลิงก์หรือภาพหลักฐานเพื่อตรวจสอบ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอมสื่อเขมรอ้างไทยปิดด่านในสระแก้วทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวพนมเปญโพสต์ของกัมพูชา รายงานอ้างนายกึม โสวันนา กงสุลใหญ่กัมพูชาประจำจังหวัดสระแก้ว ว่า ทางการไทย ได้ตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวในการสั่งปิดด่านและทางข้ามแดนไทย-กัมพูชาใน จ.สระแก้ว ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.เป็นต้นไป เท่าที่ทราบด่านข้ามแดนกับทางข้ามแดนในจังหวัดอื่นๆก็ปิดเช่นกัน คำสั่งปิดด่านของไทยมีขึ้นหลังจากกัมพูชาปฏิเสธที่จะหารือประเด็นพื้นที่อ้างสิทธิ 4 แห่งคือช่องบก ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนธม และตาควาย ในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) วันที่ 14 มิ.ย.นี้ ซึ่งกัมพูชาได้เรียกร้องทางการไทยไปแล้วว่า ประเด็นพื้นที่อ้างสิทธิให้ไปคลี่คลายในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)ให้ กกล.บูรพา-สุรนารี คุมปิดด่านต่อมาช่วงสายวันเดียวกัน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวที่กองบัญชาการกองทัพบกว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ลงนามในคำสั่งกำหนดอำนาจให้ผู้บัญชาการ กองกำลังบูรพา และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจในการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พิจารณากำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่จำเป็น ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ทั้งนี้ การออกมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายกัมพูชารุกล้ำชายแดนไทยหลายครั้ง พร้อมแสดงท่าทียั่วยุอย่างเปิดเผย แม้ไทยจะใช้สันติวิธีและพยายามเจรจา แต่กัมพูชายังเสริมกำลังและจัดตั้งฐานทหารใกล้ชายแดน แสดงถึงความไม่ร่วมมือและเป็นภัยต่ออธิปไตยและความมั่นคงของไทย ทำให้ไทยจำเป็นต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อรักษาผลประโยชน์และความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามแนวชายแดนแจง 4 ขั้นตอนคุมจุดผ่านแดนเวลาต่อมา พล.ต.วินธัยชี้แจงเพิ่มเติมกรณีที่กองทัพบกออกคำสั่งให้มีการควบคุมจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงของชาติ ว่า การดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวมิได้เป็นการใช้มาตรการสูงสุดในทันที แต่เป็นแนวทางปฏิบัติแบบเป็นขั้นตอน โดยพิจารณาจากระดับความรุนแรงของสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ เน้นจากเบาไปหาหนัก ตามความเหมาะสม แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลัก ดังนี้ ขั้นที่ 1 จำกัดการผ่านแดนเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย การขนส่งสินค้า แรงงาน และงานจำเป็นอื่นๆ โดยเพิ่มระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น นักพนัน หรือกลุ่มที่อาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย ขั้นที่ 2 ปรับลดช่วงเวลาในการเปิด-ปิดจุดผ่านแดน พร้อมทั้งกำหนดวัน-เวลาการเข้า-ออกอย่างชัดเจน เพื่อควบคุมความเคลื่อนไหวของบุคคลและกิจกรรมในพื้นที่ชายแดน ขั้นที่ 3 ปิดจุดผ่านแดนบางจุด (Selective Closure) โดยพิจารณาจากจุดที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีข้อมูลด้านความมั่นคงที่อาจนำไปสู่การรุกล้ำ หรือการก่อเหตุจากฝ่ายตรงข้าม และขั้นที่ 4 ปิดจุดผ่านแดนตลอดแนวชายแดนในกรณีที่เกิดสถานการณ์วิกฤติ หรือมีการรุกรานอย่างชัดเจน เพื่อควบคุมสถานการณ์ในระดับสูงสุดจันทบุรีระงับ นทท.เข้าออก 2 ด่านจากนั้นไม่นาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด แจ้งไปยังผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี เรื่องขอระงับนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวกัมพูชาเดินทางผ่านเข้า-ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรฯ โดยอ้างอิงตามประกาศให้ใช้กฎอัยการศึก ในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรี เฉพาะ อ.ขลุง อ.โป่งน้ำร้อน และ อ.สอยดาว และตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก 2547 เนื่องจากปัจจุบันมีสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชา และอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวกัมพูชา จึงขอให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรีระงับนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางผ่านออกไปยังประเทศกัมพูชา และระงับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาเดินผ่านเข้ามายังประเทศไทย ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน และจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.จันทบุรี เป็นการชั่วคราว (ยกเว้นแรงงานชาวกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในประเทศ ไทย โดยให้การค้าขายระหว่างประเทศเป็นไปตามปกติ) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.2568 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงโต้ข่าวเขมรกว้านซื้อเกลือสำหรับบรรยากาศใน 7 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับกัมพูชา ได้แก่ จันทบุรี ตราด สระแก้ว สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ ตลอดวันที่ 7 มิ.ย. ตามแนวชายแดนและจุดผ่านแดนต่างๆ แม้ยังคงปกติ แต่ค่อนข้างเงียบเหงา จากข่าวลือที่สะพัดมาก่อนหน้านี้ถึงการปิดด่าน โดยที่ จ.ศรีสะเกษ นายประสิทธิ์ ดีจงเจริญ นายด่านศุลกากรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ กล่าวถึงกรณีมีภาพและข่าวออกมาว่ากัมพูชาเข้ากว้านซื้อเกลือไทยกว่า 2 พันตัน ทางด่านช่องสะงำ เพื่อไปให้ทหารในป่าว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ข่าวที่นำเสนอไปนั้นเป็นภาพรวมทั้งเดือนพฤษภาคม 2568 ไม่ใช่วันเดียว สิ่งของที่ส่งออกตอนนี้ส่วนมากจะเป็นสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค เช่น น้ำผลไม้ นมถั่วเหลือง เกลือ ส่วนภาพที่ออกไปนั้น มีเพียงหนึ่งคันรถเท่านั้น และเป็นการซื้อขายส่งออกระหว่างภาคเอกชนตามปกติ ไม่ใช่ของทหารมาซื้อ หรือมาซื้อไปให้ทหารไม่หวั่นหากมีการปะทะส่วนที่บ้านหนองคันนาสามัคคี หมู่ 8 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ติดกับตัวปราสาทตาเมือนธม 1 ใน 4 จุดที่กัมพูชามีข้อพิพาทกับไทย และเตรียมยื่นเรื่องให้ศาลโลกพิจารณา บรรยากาศพบว่าชาวบ้านในพื้นที่ยังคงใช้ชีวิตประจำวันกันตามปกติ ไม่มีความวิตกกังวลหรือหวาดกลัว และถึงแม้จะเกิดขึ้นจริงก็ไม่กังวลเนื่องจากมีประสบการณ์มาแล้วเมื่อปี 2554 ขณะเดียวกัน นายสัมพันธ์ สิงคเสลิต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านหนองคันนาสามัคคี ได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านเตรียมความพร้อม เริ่มทำความสะอาดหลุมหลบภัยและจัดเตรียมสิ่งจำเป็น ขณะเดียวกันโรงเรียนตามตะเข็บชายแดน ครูและนักเรียนมีการซ้อมการอพยพหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ มีรายงานว่าจังหวัดสุรินทร์ได้เตรียมการและซ้อมแผนปฏิบัติการไว้ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอพยพประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนในพื้นที่ อ.พนมดงรัก กาบเชิง สังขะ และบัวเชด มีศูนย์พักพิงชั่วคราว 65 แห่ง รองรับประชาชนได้ 144,000 คน ปรับปรุงซ่อมแซมบังเกอร์หลุมหลบภัยในหมู่บ้าน วัด โรงเรียนและสถานที่ราชการจำนวน 359 หลุมคนยังแห่เที่ยว 3 ปราสาทขณะที่ปราสาทตาเมือนธม นักท่องเที่ยวยังคงเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวที่ตัวปราสาทและนำสิ่งของไปมอบเป็นขวัญกำลังใจให้กับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลตัวปราสาทตาเมือนธมกันอย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากเข้าชมตัวปราสาทตาเมือนธมแล้ว ยังแวะชมปราสาทตาเมือนโต๊ด และธรรมศาลา ที่อยู่ใกล้ๆกันอีกด้วย รวมถึงที่ปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก เหตุการณ์ทุกอย่างยังปกติ ทหารอยู่ประจำพื้นที่เต็มอัตรา ไม่มีอะไรที่น่าเป็นกังวล ประชาชนสามารถเข้าไปเยี่ยมชมที่ปราสาททั้ง 3 หลัง ได้ตามปกติตลาดช่องจอมเงียบลูกค้าหายต่อมาผู้สื่อข่าวไปสำรวจที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พบพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยต่างโอดครวญว่าบรรยากาศเงียบสนิท ลูกค้าหายไปกว่าร้อยละ 80 และต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่อยากให้ปิดด่าน เพราะจากที่เคยค้าขายได้วันละเป็นหมื่น วันนี้เหลือแค่พันเดียว รวมถึงไม่อยากให้เกิดการปะทะ ส่วนด้านด่านชายแดนช่องจอม ทหารจากกองกำลังสุรนารี ได้จัดกำลังคนเข้าออกอย่างเข้มงวด ห้ามสื่อมวลชนเข้าไปถ่ายทำข่าว ซึ่งเข้าได้คือรถบรรทุกสินค้าเท่านั้น โดยล่าสุดมีการปิดด่านช่องอานม้า และช่องสายตะกู แล้ว ส่วนช่องจอม และช่องสะงำ รอการเคลื่อนย้ายประชาชนกลับเข้าพื้นที่ให้หมดก่อน คาดว่าจะมีคำสั่งปิดตามมาเร็วๆนี้ค้าขายบ้านแหลมเงียบเหงาที่ จ.จันทบุรี จากการสำรวจตลาดการค้าชายแดนบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน ตลอดช่วงสาย แม้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาบ้าง แต่บรรยากาศเงียบเหงาเนื่องจากยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ ส่วนที่หมู่บ้านบ้านแหลม ที่ติดชายแดนห่างเพียง 300 เมตร นางกิตติยา เห็ดตูม ชาวบ้านหมู่ 4 บ้านแหลม กล่าวว่า ไม่อยากให้มีการปิดด่านเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ค้าขายกับกัมพูชา ตนเคยสัมผัสเหตุการณ์มาแล้วที่ต้องวิ่งลงหลุมหลบภัย ลำบากมาก แต่ก็ไม่ประมาท หลุมหลบภัยในหมู่บ้านในสมัยที่ตนยังเป็นเด็กและเคยอาศัยหลบภัยนั้นยังมีสภาพที่สมบูรณ์พร้อมใช้งานครู-นร.ซ้อมการอพยพสำหรับ จ.สระแก้ว ที่มีพื้นที่ชายแดนติดกับกัมพูชาในหลายอำเภอ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 6 และ 7 มิ.ย. ตามโรงเรียนที่ติดพื้นที่เสี่ยงการปะทะ มีการซักซ้อมแผนอพยพและแผนเผชิญเหตุให้กับครูและนักเรียน เพื่อได้ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องหาก เกิดเหตุจริง อาทิ ที่โรงเรียนบ้านโคกสะแบง อ.อรัญ ประเทศ ที่อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาไม่ถึง 4 กิโลเมตร รวมถึงโรงเรียน ตชด.ประชารัฐบำรุง 1 ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ และที่โรงเรียน ตชด.บ้านเขาสารภี ต.ทับพริก อ.คลองหาด โดยมี พ.ต.อ.ปาริชาติ บรรจงปรุ ผกก.ตชด.12 เดินทางมาดูการซักซ้อมการอพยพเข้าหลุมหลบภัยและเข้าบังเกอร์ ที่มีทั้งภายในโรงเรียนและนอกโรงเรียนคนไทยแห่กลับเข้าประเทศส่วนบริเวณจุดตรวจร่วม อ.20 ร้อย ทพ.1201 ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ ตลอดวัน มีคนไทยที่ทำงานอยู่ในบ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ต่างทยอยเดินทางกลับประเทศไทยกันมากขึ้น เนื่องจากฝั่งกัมพูชามีกระแสข่าวลือจากหนังสือของกงสุลใหญ่กัมพูชา ประจำจังหวัดสระแก้ว ที่รายงานถึงรัฐบาลกัมพูชาว่าทหาร ไทยจะปิดด่านพรมแดนคลองลึก ทำให้คนไทยในกัมพูชากลัวด่านถูกปิด จึงทยอยเดินทางกลับเข้าไทย จากนั้นในช่วงเย็น ที่สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา กกล.บูรพา ได้นำแผงประตูรั้วเหล็กออกมากางปิดบริเวณคอสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ฝั่งไทย ห้ามยานพาหนะทุกชนิดและประชาชนผ่านเข้าออก เป็นการปิดด่านพรมแดน ทำให้มีชาวกัมพูชาที่เข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือ ฝั่งไทย ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ มายืนออกันเต็มหน้าด่านเพื่อขอเดินทางกลับประเทศกัมพูชา ส่วนคนไทยที่ทำงานอยู่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ก็ไม่สามารถเดินทางกลับเข้าไทยได้เริ่มทันทีร่นเวลาเปิดปิดด่านทั้งนี้ ทางทหารชี้แจงว่า จากมาตรการตอบโต้จากเบาไปหาหนัก ได้มีหนังสือจากผู้บัญชาการทหารบกมอบอำนาจให้แม่ทัพภาคที่ 1 โดยผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และแม่ทัพภาคที่ 2 โดยผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มีอำนาจสั่งการเปิดปิดด่านชายแดนทุกประเภทได้ ตามความเหมาะสมหรือเหตุจำเป็น นอกจากนี้ กองทัพบกยังได้มีมาตรการร่นเวลาการเปิดปิดด่านพรมแดนถาวร จากเปิดเวลา 06.00-22.00 น. มาเป็นเปิดเวลา 08.00-16.00 น. และจุดผ่อนปรนการค้า ร่นเวลามาเปิดปิดเวลา 08.00-12.00 น.ส่วนคนไทยที่จะเดินทางไปเล่นพนันที่บ่อนกาสิโนฝั่งปอยเปตและไปท่องเที่ยวในกัมพูชา ห้ามเดินทาง ออกไป ยกเว้นคนไทยที่ทำงานในฝั่งปอยเปต สามารถเดินทางเข้า-ออกได้ แต่กำหนดวีซ่าการอยู่ในกัมพูชาจาก 14 วัน เหลือแค่ 7 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.2568 เป็นต้นไปหน้าด่านอลเวงคนตกค้างเพียบผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากวันที่ 7 มิ.ย.เป็นวันแรกที่มีการร่นเวลาปิดด่านเวลา 16.00 น.ทำให้ทหารต้องปิดด่านเวลา 16.00 น. ซึ่งไม่มีใครรู้ล่วงหน้า ทำให้เกิดความโกลาหลบริเวณหน้าด่านพรมแดนคลองลึก เนื่องจากชาวกัมพูชาที่มาค้าขายในตลาดโรงเกลือ จะเดินทางกลับประเทศแต่ด่านถูกปิดแล้ว มายืนออกันเต็มหน้าด่าน ซึ่งต่อมาผู้บัญชาการกองกำลังบูรพาได้อนุญาตอนุโลมให้ชาวกัมพูชาที่ยังตกค้างสามารถเดินทางออกไปได้ แต่ไม่อนุญาตให้คนไทยหรือนักท่องเที่ยวเดินทางออกไป ทำให้บริเวณหน้าด่านพรมแดนคลองลึก เริ่มผ่อนคลายลงไปได้กต.ชี้เขมรไม่จริงใจแก้ปัญหาต่อมาเมื่อเวลา 16.50 น.ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อม พ.อ.หญิง ดังใจ สุวรรณกิตติ โฆษกกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมแถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยนายนิกรเดชกล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมีการเจรจาระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งในระดับนายกฯ ระดับรองนายกฯและ รมว.กลาโหม เพื่อหารือทางออกร่วมกันทุกฝ่าย ไทยย้ำการลดระดับความตึงเครียดและสนองให้มีการปรับกำลังทหารให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติเดิมก่อนเกิดเหตุขัดแย้ง เพื่อลดการปะทะทางทหาร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายที่ฝ่ายกัมพูชาได้ปฏิเสธทันทีต่อข้อเสนอในการปรับกำลังและยังมีการเสริมกำลังในพื้นที่ชายแดนต่อเนื่อง และปฏิเสธที่จะปฏิบัติตาม MOU43 การดำเนินการดังกล่าวยิ่งเพิ่มความตึงเครียดและทำให้สถานการณ์ในพื้นที่เปราะบางมากยิ่งขึ้น การดำเนินการของฝ่ายกัมพูชาข้างต้นแสดงให้เห็นถึงการขาดเจตนารมณ์และความจริงใจที่จะร่วมมือกับฝ่ายไทยในการลดและระงับความตึงเครียดที่มีอยู่เดิม และทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติปิดด่านกดดันเขมรให้เจรจานายนิกรเดชกล่าวว่า ดังนั้นเป็นไปตามมติที่ประชุม สมช. เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. และเพื่อเป็นการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยแก่ประชาชนไทยตามแนวชายแดน ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องพิจารณาใช้มาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา โดยที่ประชุม สมช.ได้มอบหมายให้กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 เป็นผู้กำหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข ที่เหมาะสมในการผ่านบริเวณจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งความเข้มข้นเป็นไปตามระดับความตึงเครียดของสถานการณ์อันเกิดจากความร่วมมือของฝ่ายกัมพูชาจี้เขมรลดความตึงเครียดนายนิกรเดชกล่าวว่า ขอย้ำว่าการดำเนินการของไทยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรักษาความปลอดภัยของทั้งประชาชนไทยและกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน และความสงบเรียบร้อยตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยไทยจะคำนึงและระมัดระวังไม่ให้มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการค้าขายและความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้งสองประเทศที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว ฝ่ายไทยขอเรียกร้องอีกครั้งหนึ่งให้กัมพูชาลดระดับความตึงเครียดตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามโดยไม่จำเป็น ซึ่งจะส่งผลเสียต่อประชาชนทั้งสองฝ่ายตามแนวชายแดน ฝ่ายไทยยืนยันความพร้อมที่จะใช้กลไกทวิภาคี โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ที่มีกำหนดจัดขึ้น 14 มิ.ย. รวมถึงกลไกทวิภาคีอื่นๆ ที่มีอยู่เพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ บนพื้นฐานของความเคารพและความจริงใจต่อกัน เพื่อให้ชายแดนไทย-กัมพูชากลับสู่ความสงบสุข เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศย้ำยังมีการประชุม JBCทั้งนี้ นายนิกรเดชยังคงยืนยันถึงการประชุม JBC ว่ายังมีอยู่ เรายังคงประสงค์และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการประชุม JBC ซึ่งหวังว่าจะเป็นการเจรจาที่จริงใจ ในชั้นนี้ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดที่จะมีการประชุม 14 มิ.ย.นี้สกัดไปบ่อนอนุโลม นศ.-ผู้ป่วยด้าน พล.ต.วินธัยกล่าวว่า ในส่วนของหน่วยปฏิบัติกองทัพบก ได้กำหนดอำนาจให้ทุกหน่วยทหารในพื้นที่ กองกำลังสุรนารีและกองกำลังบูรพา มีอำนาจควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดน โดยรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินการยังนึกถึงผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและกิจกรรมที่มีในบริเวณพื้นที่ชายแดน จึงให้แต่ละหน่วยพิจารณาเรื่องมาตรการ 4 ขั้นตอน คือ 1.มาตรการจำกัดคน ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นจริง เช่น กลุ่มคนที่ไปเล่นการพนันหรือไปสนับสนุนเรื่องการทำผิดกฎหมายต่างๆ หน่วยในพื้นที่จะคัดกรองเหล่านี้ ส่วนอื่นๆ เจ้าหน้าที่ยังพิจารณาสามารถเข้า-ออกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือกลุ่มคนที่เข้า-ออกเกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะคนชราคุมเวลาเปิดด่านช้าปิดเร็วขึ้นพล.ต.วินธัยกล่าวอีกว่า 2.มาตรการควบคุมเรื่องเวลา จะกำหนดช่วงเวลา จะไม่ได้เปิดตลอด หรือเวลาเดิมที่เปิดจะสั้นลง 3.ปิดบางจุดผ่านแดน โดยเลือกจุดที่มีความเสี่ยง และ 4.ปิดทุกจุดตลอดพรมแดน ซึ่งกองทัพบกมีคำสั่งให้ทุกหน่วยสามารถดำเนินการได้ แต่มาตรการต่างๆต้องมีการประสานทุกหน่วยทุกระดับ ขอย้ำว่ามาตรการเรื่องการควบคุมเข้มงวดการเปิด-ปิดด่าน มีที่มาที่ไปที่สำคัญที่สุดคือเรื่องความปลอดภัยของประชาชน โดยแต่ละพื้นที่บริหารจัดการไม่เหมือนกัน เพราะได้รับโจทย์หรือมีข้อมูลการข่าวหรือสิ่งต่างๆ ในพื้นที่แตกต่างกัน แต่ใน 4 ระดับที่กำหนด หน่วยปฏิบัติในพื้นที่จะเป็นผู้พิจารณายัน “ภูมิธรรม” ไม่ได้ละเลยผู้สื่อข่าวถามว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม มีข้อกำชับหรือสั่งการอะไรพิเศษดูแลตรงนี้หรือไม่ และมีการดำเนินการด้านไหนไปแล้วบ้าง พ.อ.หญิงดังใจ กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมมีหน้าที่รับและดำเนินการตามนโยบายของนายภูมิธรรม ที่ผ่านมาท่านไม่ได้ละเลย หากแต่มีความอดทนและพยายามใช้การเจรจาอย่างสันติวิธี และมากไปกว่านั้น ยังกำชับหน่วยในพื้นที่ให้เฝ้าระวังไม่ให้เกิดการลุกลามเพิ่มขึ้นเด็ดขาด แต่ในกระบวนการความพยายามที่ผ่านมากลับได้รับการตอบสนองไม่เป็นทางบวก จึงต้องมีการปรับมาตรการต่างๆ โดยล่าสุด สมช. ได้มอบหมายกองทัพบกเป็นผู้รับผิดชอบในการนำแผนไปปฏิบัติต่อมทภ.2 สั่งควบคุมจุดผ่านแดนจากนั้นเวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองทัพภาคที่ 2 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ลงนามในคำสั่งเรื่องการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่รับผิดชอบของกองกําลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) ตามคําสั่งกองทัพบก โดยให้ผู้บัญชาการ กกล.สุรนารี มีอํานาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้ 1.มีอำนาจสั่งการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภท โดยห้ามมิให้บุคคลหรือยานพาหนะเข้า-ออก การนําเข้าและส่งออกซึ่งสินค้าอุปโภคบริโภค และยุทธภัณฑ์ต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทั้งสองประเทศ (ยกเว้นการค้าขายตามแนวชายแดน หรือด้านเศรษฐกิจอื่นๆ หรือด้านการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม) โดยให้มีผลตั้งแต่เวลา 19.00 น. ของวันที่ 7 มิ.ย. เป็นต้นไปปิดด่านได้ทันทีหากมีการปะทะ2.มีอำนาจปรับลดเวลาผ่านเข้า-ออก โดยพิจารณาในแต่ละพื้นที่หากมีความจำเป็นเร่งด่วน เช่น จุดหรือบริเวณที่มีการปะทะกันระหว่างทหารทั้งสองฝ่าย หรือบริเวณใกล้เคียง 3.มีอำนาจปิดจุดผ่านแดนบางพื้นที่ โดยให้พิจารณาเหตุผลด้านความมั่นคงเป็นสำคัญ ได้แก่ การกดดันฝ่ายที่รุกราน การระมัดระวังป้องกันประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ การป้องกันบุคคลที่ประสงค์ร้ายผ่านเข้า-ออก และรวมถึงการจํากัดคนข้ามไปทํางานในฝั่งประเทศกัมพูชาเพื่อกระทําผิดกฎหมายต่างๆ เป็นต้น 4.เมื่อมีการปะทะหรือใช้กําลังทางทหาร ให้ ผบ.กกล.สุรนารี มีอานาจสั่งปิดด่าน หรือจุดผ่านแดนในทันที และมีอำนาจในการเปิดเมื่อเข้าสู่สถานการณ์ปกติปรับเวลาปิดด่าน–คุมสินค้าส่งออกสำหรับจุดผ่านแดนประกอบด้วย 1.ช่องอานม้า ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ประเภทจุดผ่อนปรนด้านการค้า เปิดวันพฤหัสบดี เวลา 09.00-12.00 น. คนผ่านเข้าออกไม่เกินตลาดของสองประเทศ โดยการแลกบัตร สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ให้ปิดจุดผ่อนปรนด้านการค้า กรณีกัมพูชาเพิ่มเติมกำลังเป็นจำนวนมาก กระทบต่อความปลอดภัยและทรัพย์สินประชาชน 2.ช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.อุบลราชธานี ประเภทจุดผ่อนปรนด้านการค้า เปิดวันอังคาร-พุธ-พฤหัสบดี เวลา 09.00-12.00 น.ให้ปิดจุดของตนเมื่อมีการปะทะตามแนวชายแดน 3.ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ประเภทจุดผ่านแดนถาวร เปิดวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ เวลา 08.00-15.00 น. คนเข้าออกโดยใช้พาสปอร์ตและบอร์เดอร์พาส จำกัดการส่งออกสินค้ายุทธภัณฑ์ตามกฎหมาย งดการส่งออกสินค้าเพื่อการก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ ยานพาหนะผ่านได้ตามระเบียบ การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ปิดจุดผ่านแดนเมื่อมีการปะทะ บริเวณพื้นที่ชายแดน และ 4.ช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ประเภทจุดผ่านแดนถาวร เปิดวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ เวลา 08.00-15.00 น.ให้งดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเมื่อฝ่ายกัมพูชาเพิ่มเติมกำลังเป็นจำนวนมาก ให้ปิดจุดผ่านแดนเมื่อมีการปะทะบริเวณตามแนวชายแดนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่