ศาลอาญายกฟ้อง “อุปกิต ปาจรียางกูร” อดีต สว. ตกเป็น ผู้ต้องหาในคดีสมคบค้ายาเสพติดข้ามชาติและฟอกเงิน เนื่องจาก พยานหลักฐานโจทก์น้ำหนักไม่เพียงพอบ่งชี้ว่าจำเลยมีส่วนรู้เห็นค้ายานรกร่วมกับนายทุน มิน หลัด นักธุรกิจชาวพม่า ผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดที่ศาลยกฟ้องพร้อมกับพวก 5 รายก่อนหน้านี้ เจ้าตัวเผยทีมทนายแย้งข้อกล่าวหาได้ทั้งหมด และจ่อฟ้องกลับทวงความเป็นธรรมคืน ส่วนฉายา “สว.ทรงเอ” ส่งคืนให้ “รังสิมันต์ โรม” ไปศาลยกฟ้องอดีต สว.อุปกิต คดีค้ายาเสพติดและฟอกเงิน ที่ห้องพิจารณาคดี 710 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กทม. เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 พ.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีดำ ย.1445/2566 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 9 เป็นโจทก์ฟ้องนายอุปกิต ปาจรียางกูร อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นจำเลยในความผิดฐาน 1.เป็นสมาชิกวุฒิสภาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันโดยการกระทำมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป 2.ร่วมกันจำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน 3.เป็นสมาชิกวุฒิสภาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน 4.เป็นสมาชิกวุฒิสภาร่วมกันฟอกเงิน 5.เป็นสมาชิกวุฒิสภาร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อจะทำความผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และ 6.มีส่วนร่วมกระทำการใดๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในกิจกรรมหรือการดำเนินการขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยรู้ถึงวัตถุประสงค์และการดำเนินกิจกรรมหรือโดยรู้ถึงเจตนาที่จะกระทำความผิดร้ายแรง กรณีกล่าวหาว่า เข้าไปมีส่วนร่วมในการสมคบกันค้ายาเสพติดกับนายทุน มิน หลัด นักธุรกิจชาวเมียนมา ระหว่างการพิจารณาคดีนายอุปกิตได้ประกันโดยวางหลักทรัพย์ 10 ล้านบาทศาลพิเคราะห์ว่า พนักงานสอบสวนที่ได้จับกุมผู้ต้องหาที่ค้ายาเสพติด และโอนเงินผ่าน 22 บัญชี แต่จากพยานหลักฐานโจทก์ไม่ปรากฏว่า นายอุปกิตมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าวในการสมคบกันเพื่อค้ายาเสพติด แม้จะมีแชตที่คุยกับนายทุน มิน หลัด ผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด คดี ย.1249/2565 ที่ศาลยกฟ้องไปพร้อมกับพวก 5 รายก่อนหน้านี้ แชตดังกล่าวเป็นเพียงการพูดคุยการโอนเงินชำระค่าไฟฟ้ามูลค่า 30 ล้านบาท ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ซื้อไฟฟ้าจากไทย โดยชำระให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแม่สาย การพูดคุยเป็นการทวงเงินการชำระค่าไฟฟ้าท่าขี้เหล็กเพียงเท่านั้น ขณะที่กลุ่มผู้ค้ายามีการโอนเงินเพียงครั้งละ 5 แสน ถึง 1 ล้านบาท ช่วงเวลาดังกล่าวมีการปิดชายแดนจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องใช้บัญชีส่วนตัวของนายทุน มิน หลัด โอนเงินไปการไฟฟ้าแม่สาย โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานว่าจำเลยได้สมคบกับบุคคลภายในและภายนอกประเทศกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด และสมคบกันฟอกเงิน พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้องหลังจากฟังศาลพิพากษาคดีเสร็จสิ้น นายอุปกิต กล่าวว่า ทีมทนายความสามารถโต้แย้งข้อกล่าวหาได้หมดศาลพิพากษายกฟ้อง ตนได้รับความเป็นธรรมจากการถูกกล่าวหาทำให้ทุกข์ทรมานใจมานาน 3 ปี ในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ การอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรมนำพยานหลักฐานเท็จทั้งหมดมาพูดต่อ พยานหลักฐานการสืบสวนของ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ มาจัดการตน ประชาชนสามารถเห็นได้ว่า แม้กระทั่งผู้สมัครผู้ที่เกี่ยวข้องกับพรรคเขา เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริง มีเรื่องละเมิดทางเพศ มีอิทธิพล มาอ้างว่าทำการเมืองใหม่แต่จริงๆแล้วแย่มาก เมื่อผลคำพิพากษายกฟ้องจะขอใช้สิทธิ์ทางกฎหมายยื่นฟ้องแน่นอน เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมคืนมา รู้จักกับนายทุน มิน หลัด และครอบครัวของเขามาเป็นเวลา 20 ปี เนื่องจากไปทำธุรกิจที่พม่า ต่อมาขายกิจการทั้งหมดไปก่อนที่มาเป็น สว. ปัจจุบันไม่ได้ติดต่อนายทุน มิน หลัด สุดท้ายนี้ขอคืนฉายาคำว่า สว.ทรงเอ ให้แก่นายรังสิมันต์ โรม กลับไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่