เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ศาลาว่าการ กทม.1 เสาชิงช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวภายหลังรับมอบเครื่องฟอกอากาศ จำนวน 50 เครื่อง จากบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ว่า กทม. จะนำไปส่งต่อให้แก่ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน สำนักพัฒนาสังคม ในพื้นที่ 50 เขต โดยจะกระจายไปยังในเขตพื้นที่ที่มีฝุ่นอยู่ในระดับสีแดงก่อน นอกจากนี้ ในการควบคุมฝุ่น PM 2.5 กทม. จะประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 เพื่อการเอาผิดแก่ผู้เป็นเจ้าของพื้นที่ว่างเปล่า ปล่อยรกร้าง และทำให้มีโอกาสเกิดเพลิงไหม้ เกิดมลพิษทางอากาศ ซึ่งพบมากในเขตลาดกระบัง และฝั่งตะวันออก ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงานเขตทุกเขตออกไปสำรวจพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และเก็บข้อมูลจุดเสี่ยง ซึ่งจะมีการแจ้งไปยังเจ้าของที่ให้มีการปรับปรุงพื้นที่ก่อน แต่หากเจ้าของพื้นที่ปล่อยให้มีการก่อเหตุ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ ซึ่งถือเป็นการเพิ่มมาตรการให้เข้มข้นขึ้น จากเดิมที่มีการเอาผิดกับผู้เผาเท่านั้น และใช้ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ ซึ่งมีโทษปรับเพียง 2,000 บาท ทำให้ประชาชนไม่ค่อยเกรงกลัวไม่ดูแลพื้นที่รกร้าง จนทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 เพิ่มขึ้นผู้ว่าฯ กทม. กล่าวอีกว่า ส่วนการประกาศเขตควบคุมมลพิษ ขณะนี้ กทม.ได้ทำหนังสือส่งไปที่คณะกรรมการควบคุมมลพิษแห่งชาติแล้ว และจะหารือในรายละเอียดในการดำเนินการ ขณะที่ มาตรการฝุ่น 11 ข้อ ที่จะนำเสนอต่อรัฐบาล ได้พิจารณาเหลือ 10 ข้อ เพราะเรื่องมาตรการเขตมลพิษต่ำ เป็นเรื่องที่เราทำอยู่แล้ว ทั้งนี้ กทม. อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลรายละเอียดทั้ง 10 ข้อเสนอให้รอบคอบ ก่อนนำเสนอกระทรวงมหาดไทยเพื่อพิจารณา และส่งต่อไปยังรัฐบาลต่อไป“สำหรับข้อเสนอแนะของ สส. กทม. พรรคประชาชน เกี่ยวกับมาตรการฝุ่นที่ กทม. ทำอยู่นั้นเรายินดีรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพราะพรรคประชาชนมี สส. อยู่เกือบทุกเขต เป็นตัวแทนของคนกรุงเทพฯ ช่วยผลักดันในระดับรัฐบาลด้วย เรื่องฝุ่นไม่ใช่งานของเราคนเดียว หากจะมาช่วยเสนอแนะ มาร่วมมือกับ กทม. ก็ยิ่งดี มาร่วมทำงานกันตลอดปีเลยก็ได้ ส่วนกรณี ที่ระบุว่า อำนาจผู้ว่าฯ กทม.มีจำกัด จะเสนอปรับปรุง พ.ร.บ.กรุงเทพมหานคร เอาจุดอ่อนต่างๆ มาปรับปรุง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น และอีกมิติเป็นการพยายามหาอำนาจที่มีในกฎหมายที่มี เพื่อยกระดับความเข้มข้นในการควบคุมมลพิษเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็น 2 เรื่องที่ต้องทำคู่ขนานกันไป” นายชัชชาติกล่าว.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่