“พรีม-โอชิ” 2 ขาใหญ่แก๊ง LGBTQ นอนหลับสบายในห้องขังโรงพักคลองหลวง ไม่เครียด ไม่สลด ตำรวจชะลอนำตัวส่งศาลฝากขังผัดแรก คาดอาจมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มเติม ชี้ตอนนี้มีเหยื่อ 4 รายแล้ว “ผู้การปทุมธานี” จ่อเข้าพูดคุยกับผู้บริหารและอาจารย์ วางมาตรการเฝ้าระวังพฤติกรรมใช้ความรุนแรง แม่พรีมเข้าเยี่ยมลูก บอกตอนอยู่บ้านเรียบร้อยเป็นเด็กดี ตกใจมากไม่คิดจะก้าวร้าวแบบนี้ ยันไม่มีปัญหาการเงิน ครอบครัวจะไม่ยื่นประกันตัว ปล่อยให้รับโทษตามกฎหมาย “ม.กรุงเทพ” สั่งไล่ออกมือราดน้ำซุปใส่รุ่นน้อง พ้นสภาพนักศึกษาทันทีกลายเป็นประเด็นร้อนระอุในโลกโซเชียล หลังมีคลิปว่อนนักศึกษาชาย อายุ 19 ปี เรียนชั้นปี 2 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ถูกรุ่นพี่สถาบันเดียวกันแต่อยู่คนละเอกวิชา เป็นสาวสองกลุ่ม LGBTQ สาดน้ำซุปร้อนๆใส่ใบหน้าและศีรษะ 3 ครั้ง พร้อมจับกล้อนผม บังคับให้ถอดวิชาเรียน และข่มขู่เอาเงิน 5 หมื่นบาท หากไม่ทำตามจะทำร้ายร่างกายอีก เหตุเกิดในร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งใน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และผู้เสียหายเข้าแจ้งความตำรวจ สภ.คลองหลวง กระทั่งศาลจังหวัดธัญบุรีอนุมัติหมายจับ และตำรวจตามไปจับกุมนายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ อายุ 22 ปี และนายชคัทพล หรือโอชิ วชิรวรรณ อายุ 19 ปี ในข้อหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ” ขณะที่สังคมรุมประณามการใช้ความรุนแรงในสถาบันการศึกษาที่ สภ.คลองหลวง เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ อายุ 22 ปี และนายชคัทพล หรือโอชิ วชิรวรรณ อายุ 19 ปี 2 ผู้ต้องหาสาดน้ำซุปใส่รุ่นน้อง ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขังบนโรงพัก สอบถามสิบเวรห้องขังทราบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาผู้ต้องหาทั้งสองนอนหลับสนิท ช่วงเช้ามีญาตินำอาหาร น้ำดื่มเข้าเยี่ยม ทั้งสองไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ สังเกตจากสีหน้าดูไม่เครียดไม่สลดเท่าไหร่ต่อมาเวลา 12.50 น. แม่ของนายพรีม ผู้ก่อเหตุ สาดน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวใส่ นศ.ชาย นำข้าวและน้ำมาเยี่ยมลูก พร้อมเปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากขอโทษผู้เสียหายแทนลูกกับสิ่งที่ลูกทำลงไป หลังจากเห็นคลิปค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นลูกของตน รู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าลูกจะก่อเหตุแบบนี้ขึ้น เนื่องจากเวลาอยู่บ้านลูกเป็นคนเรียบร้อย ไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าว และไม่เคยเล่าเรื่องที่มหาวิทยาลัยให้ฟัง ไม่รู้ว่าลูกมีปัญหากับใครหรือมีปัญหาเรื่องอื่นอีกหรือไม่ อีกทั้งลูกไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเงิน เพราะตนส่งเสียให้ลูกอยู่ตลอด หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วก็เป็นห่วงอนาคต แต่คงต้องพูดคุยกันหลังจากที่รับโทษเสร็จแล้ว ส่วนที่ตำรวจจะนำตัวไปส่งฝากขังศาลจังหวัดธัญบุรี ทางครอบครัวไม่ได้เตรียมหลักทรัพย์เพื่อยื่นประกันแต่อย่างใด ยินยอมให้ลูกรับโทษตามกระบวนการยุติธรรมต่อมา พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง พร้อม พ.ต.ท.ฉลาด หอมเงิน รอง ผกก.สส. และ พ.ต.ต.วีระ สุขชนะ สว.สส. ร่วมกันให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เคสของ LGBTQ ที่ก่อความรุนเเรงตำรวจได้ประชุมกันว่าจะนำผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปฝากขังต่อศาลจังหวัดธัญบุรี ในวันที่ 11 ก.พ. จากเดิมจะนำไปฝากขังในวันนี้ เพราะอาจมีผู้เสียหายมาเพิ่มเติมได้เตรียมพนักงานสอบสวนไว้รับคดีนี้แล้ว หากมีผู้เสียหายมาแจ้งความจะได้สอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาได้เลย ขณะนี้มีผู้เสียหายทั้งหมด 3 คน เมื่อคืนมาเพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 4 คน และอาจมีมาเพิ่มอีกต้องรอดูต่อไป“เคสหลักๆเป็นการทำร้ายร่างกายกับเรื่องกรรโชกทรัพย์ ส่วนข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรยังไม่ถึงขั้นนั้น คดีนี้สอบสวนแต่ละเคสแล้วเอามารวมกัน ยังไม่เข้าขององค์กรอาชญากรรม ส่วนเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าที่พยานให้การกับพนักงานสอบสวนยังตรวจไม่พบ คาดว่าอาจยักย้ายถ่ายเทไปที่อื่นแล้ว ชุดสืบสวนจะเร่งดำเนินการต่อ สำหรับผู้เสียหายรายหนึ่งยังไม่ได้ประสานเข้ามา แต่คาดว่าจะเข้ามาแน่นอน” ผกก.สภ.คลองหลวงกล่าวพ.ต.อ.เกียรติศักดิ์กล่าวต่อว่า ขอประชาสัมพันธ์ใครที่ตกเป็นผู้เสียหายและถูกกลุ่ม LGBTQ แก๊งนี้ทำร้ายร่างกายขอให้มาพบพนักงานสอบสวนได้ทันที จะได้แจ้งข้อกล่าวหาในคราวเดียว และในวันนี้ พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี จะเข้าไปพูดคุยกับผู้บริหารและอาจารย์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เกี่ยวกับมาตรการเฝ้าระวังพฤติกรรมนักศึกษาให้อยู่ในกรอบและกฎระเบียบ เท่าที่ทราบขณะนี้กลุ่มที่ชอบใช้ความรุนแรงมีอย่างน้อย 2 กลุ่มแล้ววันเดียวกัน มหาวิทยาลัยกรุงเทพออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 เรื่อง ผลการพิจารณาโทษทางวินัยนักศึกษา กรณีการทำร้ายร่างกาย ระบุว่า ตามที่คณะกรรมการปกครองได้ประชุมพิจารณาบทลงโทษตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ว่าด้วยวินัยนักศึกษาได้พิจารณาพยานหลักฐานมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ผู้ก่อเหตุที่กระทำการราดน้ำร้อนเข้าข่ายความผิดและเป็นการละเมิดต่อกฎหมาย เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจ เสรีภาพ และเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับกฎระเบียบของมหาวิทยาลัยอาศัยอำนาจตามความในข้อบังคับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะกรรมการปกครองพิจารณาโทษสูงสุดเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่น มีคำสั่งให้นักศึกษาผู้กระทำความผิดพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาและจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.2568 เป็นต้นไป สำหรับผู้กระทำผิดรายอื่น คณะกรรมการปกครองของมหาวิทยาลัยกำลังดำเนินการพิจารณาโทษวินัยตามระเบียบและข้อบังคับฯ มหาวิทยาลัยขอยืนยันจุดยืนในการไม่ยอมรับการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ และจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่ละเมิดกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยและความเป็นธรรมเย็นวันเดียวกัน ชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง นำโดย พ.ต.ท.ฉลาด หอมเงิน รอง ผกก.สส.สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.สิรภพ บัวหลวง พ.ต.ท.วีระ สุขชนะ สว.สส.สภ.คลองหลวง นำหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ในข้อหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังฯ, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” เข้าจับกุมนายนพคุณ หรือจั๊ก พิมลพันธ์ อายุ 21 ปี นายดลลธี หรือพอล บุ้ธรอยต์ อายุ 21 ปี น.ส.วรัญญา หรือแบม พรมวารี อายุ 21 ปี น.ส.กันยาพัชร หรือพิมเจล ศรีจันทร์ อายุ 21 ปี และ น.ส.อุ้มบุญ หรืออุ้ม จำปาทอง อายุ 21 ปี ทั้งหมดถูกจับขณะเข้าพบตำรวจที่ สภ.คลองหลวงการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี 2566 ผู้เสียหายได้คบหาเป็นแฟนกับนายรษิภา หรือพรีม สัจวรรณ์ อายุ 22 ปี หัวหน้าแก๊ง LGBTQ หลังคบหากันได้แค่ 2-3 เดือน ผู้เสียหายขอเลิกรา นายพรีมได้ขอสิ่งของที่ซื้อให้คืน ผู้เสียหายคิดว่าให้โดยเสน่หา และสิ่งของนั้นเสื่อมสภาพไปแล้วเลยไม่ได้คืนให้ ทำให้นายพรีมไม่พอใจ บังคับให้โอนเงิน 6,050 บาท แทนค่าสิ่งของ และนัดเคลียร์ใจที่ล็อบบี้ของหอพัก ขณะเกิดเหตุมีผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด 7 คน ยืนล้อมนาน 4-5 ชั่วโมง เพื่อบังคับให้ผู้เสียหายโอนเงินและ น.ส.พิมเจลได้ใช้รองเท้าตบหน้าผู้เสียหายก่อนจะแยกย้ายกันไป หลังเกิดเหตุผู้เสียหายเกรงกลัวไม่กล้าเข้าแจ้งความ แต่ภายหลังจากนายพรีมถูกจับในคดีราดน้ำซุปใส่รุ่นน้อง ผู้เสียหายตัดสินใจเข้าแจ้งความเอาผิดนายพรีมและพวก มีคลิปขณะเกิดเหตุที่กลุ่มของนายพรีมถ่ายไว้เป็นหลักฐานด้วยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่