ปิดล้อมจับตายโจรใต้ 4 ศพ หลังชาวบ้านแจ้งเบาะแสกลุ่มคนต้องสงสัย เข้ามากบดานอยู่ในหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าตรวจสอบตอนเช้ามืด ปิดล้อมบ้านเป้าหมาย 2 หลัง หลังแรก 3 คนร้ายวิ่งออกมานอกบ้านกราดยิงใส่หมายเปิดทางเผ่นหนี เจ้าหน้าที่ยิงตอบโต้ปะทะเดือดสุดท้ายตายเรียบ ส่วนอีกหลังคนร้ายจะขว้างไปป์บอมบ์ใส่โดนยิงสวนปลิดชีพเป็นศพที่ 4 ยึดปืนสงครามได้ 3 กระบอก เช็กประวัติแต่ละคนมีหมายจับติดตัวเพียบ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน.แจงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก แต่อีกฝ่ายเปิดฉากยิงก่อนเลยต้องตอบโต้จนนำไปสู่ความสูญเสียปฏิบัติการปิดล้อมวิสามัญฯ โจรใต้ 4 ศพ ครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 27 ม.ค. พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผบก.ภ.จ.ยะลา สั่งการให้ พ.ต.อ.ต่อพันธุ์ ปุสันเทียะ ผกก.สภ.กรงปินัง จ.ยะลา สนธิ กำลังเจ้าหน้าที่ นปพ.ร่วม จ.ยะลา กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมาย 2 หลัง ในพื้นที่บ้านจาเราะกาดง หมู่ 3 ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง หลังได้รับแจ้งเบาะแส จากชาวบ้านว่า มีแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบใน พื้นที่มาหลบซ่อนตัวอยู่เพื่อเตรียมวางแผนก่อเหตุเมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ไปถึงบ้านเป้าหมายหลังแรก ได้กระจายกำลังเข้าปิดล้อมใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักประกาศให้ออกมามอบตัว ปรากฏว่าคนร้าย 3 คน พร้อมอาวุธครบมือวิ่งออกมานอกบ้าน ใช้ปืนสงครามกราดยิงใส่เพื่อเปิดทางหลบหนี เจ้าหน้าที่ ต้องกระโดดหลบเข้าที่กำบัง พร้อมระดมยิงตอบโต้จนเกิดการยิงปะทะเสียงดังสนั่น กระทั่งเสียงปืนสงบลง พบศพคนร้ายเสียชีวิตอยู่บริเวณข้างบ้าน 3 ศพฝ่ายเจ้าหน้าที่ปลอดภัย ส่วนบ้านเป้าหมายหลังที่ 2 เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือจากผู้นำชุมชนและผู้นำศาสนาช่วยเจรจาเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายออกมามอบตัว แต่คนร้ายกลับดึงลูกระเบิดขว้างแบบไปป์บอมบ์ออกมาจะขว้างใส่ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยิงสกัดกั้นเพื่อป้องกันตัว ทำให้คนร้ายเสียชีวิตอยู่ในบ้านอีก 1 ศพ รวมคนร้ายเสียชีวิตทั้งหมด 4 ศพ หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุได้เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มคนร้ายจะวางระเบิดกับดักไว้ ต้องประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่ พิสูจน์หลักฐานมาร่วมตรวจสอบขณะที่ พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผบก.ภ.จ.ยะลา สั่งการเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัยในคดีความมั่นคง รวมถึงรถยนต์ รถ จยย.เป้าหมาย และวัตถุสิ่งแปลก ปลอมที่อาจซุกซ่อนเข้ามากับยานพาหนะอย่างเข้มงวด ตามแผนรักษาความปลอดภัยเขตเมืองยะลา และเขต รอยต่อระหว่างจังหวัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับ ประชาชนในพื้นที่ต่อมา พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจพื้นที่จุดยิงปะทะเพื่อเก็บพยานหลักฐาน ร่วมตรวจชันสูตรพลิกศพและตรวจสอบ ประวัติคนร้ายที่ถูกยิงเสียชีวิตทั้ง 4 ศพ ทราบชื่อภายหลังคือ นายกามารูดิง สะมะแอ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121 หมู่ 2 ต.สะเอะ อ.กรงปินัง จ.ยะลา มีหมายจับ ป.วิอาญา 6 หมาย ก่อเหตุช่วงปี 59-62 นายอาบูบากา ยาชิ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136 บ้านมาแบ หมู่ 4 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา มีหมายจับ ป.วิอาญา 1 หมาย ก่อเหตุเมื่อปี 60 นายฮารง แวกือจิ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129/1 หมู่ 10 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา มีหมายจับ ป.วิอาญา 6 หมาย ก่อเหตุช่วงปี 59-62 และนายอิรฟาน มะนอมาเน็ง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 156 บ้านมาแบ หมู่ 4 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา ไม่พบหมายจับ เคยถูกเจ้าหน้าที่นำตัวไปซักถามกรณีเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ช่วงปี 66-67นอกจากนี้ยังตรวจพบอาวุธของคนร้ายประกอบด้วย ปืนไรเฟิลยี่ห้อเรมิงตันประกอบกล้องเล็งขนาด 7.62 มม. จำนวน 1 กระบอก ปืนเล็กยาว เอ็ม 16 เอ 2 จำนวน 1 กระบอก ปืนเล็กยาวเอเค 102 จำนวน 1 กระบอก ระเบิดขว้างแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ 1 ลูก เครื่องกระสุนชนิดต่างๆ วิทยุสื่อสาร ธงสัญลักษณ์ขบวนการแบ่งแยกดินแดน พร้อมเครื่องแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่อีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจสอบหาประวัติการก่อเหตุต่อไปที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงข่าวชี้แจงรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.รมน.ภาค 4 ได้กล่าวความเสียใจต่อญาติ ผู้เสียชีวิตทุกราย การปฏิบัติทุกขั้นตอนได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการด้วยความโปร่งใสตามขั้นตอนของกฎหมาย ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก แต่คนร้ายเปิดฉากยิงใส่และจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ก่อน จำเป็นต้องตอบโต้จนนำไปสู่ความสูญเสีย ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจในมาตรการการควบคุมพื้นที่และบังคับใช้กฎหมายของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ที่ดำเนินการติดตามทุกคดีที่เกิดขึ้น รวมทั้งขอบคุณประชาชนที่โทร.เข้ามาแจ้งเบาะแสให้ มทภ.4/ ผอ.รมน.ภาค 4 ทราบโดยตรง จนนำไปสู่การปฏิบัติบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว สำหรับผู้ให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เช่น ส่งเสบียง ให้ที่พักอาศัยหลบซ่อน หรือกระทำอื่นใดที่เป็นการสนับสนุน จะมี ความผิดตามมาตรา 189 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน สองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่