“ดีเอสไอ” เชิญตำรวจให้ข้อมูลระหว่างพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ สรุปมติเอกฉันท์ รับเป็นคดีพิเศษแล้ว เบื้องต้นดำเนินคดี 2 ข้อหาคือ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ทำให้อำนาจฝากขังเพิ่มเป็น 7 ฝาก 84 วัน มีเวลารวบรวมพยานหลักฐานมากขึ้น ยันทำคดีเร็วแน่เพราะไม่ได้นับ 1 ใหม่ การสอบสวนมาได้กว่าร้อยละ 70 แล้ว ทั้ง 2 หน่วยงานยังช่วยกันสอบสวนดำเนินคดีต่อไป ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหาลอต 2 ต้องดูตามพฤติกรรมของแต่ละคน ดารา-พรีเซนเตอร์ทั้งหลายยังลูกผีลูกคน “ทนายบอสพอล” เยี่ยมลูกความที่เรือนจำ รับ “โค้ชแล็ป” พร้อมบอสต่างๆ รวม 11 คน มาดูแลแล้ว เตรียมแจ้งดำเนินคดีอัยการและพรีเซนเตอร์ ค.ที่เคยทำงานกับดิ ไอคอน ปูดตำรวจกองปราบฯรีดโค้ชแล็ป 9 ล้านบาท แลกไม่ดำเนินคดีก่อนถูกจับ “เคนโด้” โพสต์โต้หลังถูกขู่จะโดนแจ้งความ ไม่เกี่ยวให้ร้ายดิ ไอคอน ศูนย์รถหรูมอบ “ทนายกฤษฎา” นำรถเบนซ์มูลค่า 12 ล้านบาทของ “บอสปีเตอร์” มามอบให้ตำรวจตรวจสอบ เพราะกลัวโดนหางเลขการสืบสวนคลี่คลายบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด (The iCon Group Co.,Ltd.) ดำเนินธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ กล่าวหาหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิก ไม่ได้ขายสินค้าจริง สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมโปรโมต หลังกองบัญชการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เดินเครื่องสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยาน หลักฐาน ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 18 คน ตั้งแต่นายวรัตน์พล หรือบอสพอล วรัทย์วรกุล เจ้าของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด นายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร รวมถึงลูกข่ายและผู้เกี่ยวข้อง ควบคุมตัวฝากขังเข้าเรือนจำไปแล้วทั้ง 18 คน ล่าสุดเตรียมส่งสำนวนส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปดำเนินการต่อตามข้อกฎหมายดีเอสไอประชุมรับคดีดิไอคอนความคืบหน้าจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 29 ต.ค. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวก่อนเข้าประชุมพิจารณารับคดีบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด เป็นคดีพิเศษ ว่า หลังส่งมอบหลักฐานคดีดิ ไอคอนฯ จาก บก.ปคบ.ดีเอสไอให้ทีมเล็กตรวจสอบสำนวนเบื้องต้น ถือว่าเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่ใช่ทั้งสำนวนเพราะยังมาไม่ครบ แต่เนื่องจากคดีนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สังคมติดตาม อธิบดีดีเอสไอสั่งการให้ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีดีเอสไอ ฐานะประธานกรรมการกลั่นกรองการรับคดี เชิญประชุมวันนี้เวลา 09.30 น. และให้เชิญผู้แทนตำรวจมาประชุมประกอบการพิจารณาด้วยต้องเร่งเพราะผู้ต้องหาอยู่ในคุก“ส่วนการรับไม้ต่อทำคดีจากตำรวจ บก.ปคบ. ขั้นตอนแรก ต้องดูกระบวนการว่า เรื่องนี้เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ อาจเป็นคดีพิเศษได้โดยอธิบดีรับเรื่องไว้เองหรือผ่านบอร์ดดีเอสไอ กระบวนการที่เกิดขึ้นต้องตรวจรับรองสำนวนให้เรียบร้อยและประชุมร่วมกับตำรวจว่า ทำอะไรไปแล้วเพื่อวางแผนทำต่อ เพราะอำนาจการสอบสวนของดีเอสไอและตำรวจเป็นอำนาจเดียวกัน เพียงแต่ถ่ายอำนาจผ่านมาและเดินหน้าสอบต่อ รวมถึงการวางรูปคดีและการเร่งดำเนินการเพราะมีผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวอยู่ จำเป็นต้องเร่งระยะเวลาดำเนินการ” โฆษกดีเอสไอกล่าวยันทำงานร่วมตำรวจต่อไปพ.ต.ต.วรณันกล่าวต่อว่า สำหรับเอกสารที่ บก.ปคบ.ส่งมาเบื้องต้น 92,289 แผ่นเพื่อพิจารณาว่าเป็นคดีพิเศษ ต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ 2547 หรือไม่นั้น ดีเอสไอจะรับไปตรวจเบื้องต้นเพราะสุดท้ายต้องผ่านขั้นตอนแรกคือ เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจดีเอสไอหรือไม่ และช่องทางไหน ถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะเกี่ยวกับอำนาจการสอบสวน ส่วนกรณีเชิญตำรวจมาประชุมด้วย เพราะสำนวนที่ส่งมายังมาไม่ครบทั้งหมด ต้องคุยในรายละเอียดว่า ตำรวจทำอะไรไปแล้ว ทำอะไรไปบ้าง และข้อเท็จจริงที่ได้เป็นอย่างไรบ้างรับคดีฟอกเงินไว้ก่อนแล้ว“ส่วนการเปลี่ยนมือจากตำรวจ บก.ปคบ.มาเป็นดีเอสไอ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า เราทำงานด้วยกัน การเปลี่ยนเจ้าภาพเพราะกฎหมาย ดีเอสไอมีช่องทางบูรณาการได้มากกว่า แต่การทำงานยังต้องทำด้วยกันคู่ขนานกัน อย่างไรก็ตาม คดีดิ ไอคอนฯที่เกี่ยวกับคดีการฟอกเงินดีเอสไอรับไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว” พ.ต.ต.วรณันกล่าวรอง ผบช.ก.แจง คกก.คดีพิเศษต่อมาเวลา 11.30 น. ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. แถลงมติคณะกรรมการกลั่นกรองรับคดีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป เป็นคดีพิเศษ ร.ต.อ.วิษณุกล่าวว่า หลังตำรวจสอบสวนกลางส่งสำนวนให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ จะพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ 2 ช่องทางคือ 1.ความผิดตามบัญชีท้าย หรือ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน 2527 2.หากไม่ได้อยู่ในบัญชีท้ายจะเป็นการฉ้อโกงประชาชน กรณีนี้อธิบดีดีเอสไอมอบหมายให้ตนฐานะประธานกลั่นกรองการรับเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรค 1 (1) เกี่ยวกับ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ ประกอบกับ พ.ร.บ. คอมพ์ฯ ส่วนนี้จะอยู่ในบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ 2547 จึงเชิญพนักงานสอบสวน บช.ก.และที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลข้อเท็จจริงพยานหลักฐานให้คณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณารับดิ ไอคอน เป็นคดีพิเศษ“เท่าที่รับฟังข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจนว่า เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ และ พ.ร.บ.คอมพ์ฯ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์เพื่อรับเสนอให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณารับเป็นคดีพิเศษใน 2 ความผิดนี้ต่อไป ช่วงบ่ายวันนี้ สำหรับรูปแบบ พฤติการณ์ที่ชัดเจนพิจารณาว่าเป็น 2 ความผิดดังกล่าวคือ ข้อเท็จจริง พยานหลักฐานที่ รอง ผบช.ก.และทีมงานมาให้ข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวน ทั้งเรื่องแผนประทุษกรรม แผนการตลาดจากคอมพิวเตอร์ งบการเงิน และพยานหลักฐานอื่น ชัดเจนว่าเข้าองค์ประกอบความผิด พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ ส่วนกรณีคดีพิเศษเรื่องฟอกเงินทางอาญา จะไม่นำมารวมในคดีแชร์ลูกโซ่ดังกล่าว เพราะมันต่างกรรมกัน ไม่เหมือนฉ้อโกงประชาชนที่เป็นกรรมเดียวกันแต่ผิดกฎหมายหลายบท แต่ฟอกเงินจะต่างกรรมกัน ต้องแยกเป็นอีกเลขคดีพิเศษคือ คดีพิเศษที่ 115/2567” รองอธิบดีดีเอสไอกล่าวยันคดีไม่ได้นับ 1 ใหม่ร.ต.อ.วิษณุกล่าวว่า ดีเอสไอจะทำงานบูรณาการกับตำรวจ ไม่ใช่การนับ 1 แต่เป็นการนับ 9 เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด ตำรวจยังมาร่วมสอบปากคำกับดีเอสไอได้ ส่วนสถานที่สอบปากคำต้องขอประชุมพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง เพื่อให้สะดวกที่สุด ยืนยันว่าเราไม่ไปตัดอำนาจตำรวจที่ทำมาก่อน เพราะเราทำงานร่วมกัน สนับสนุนกัน บูรณาการทีมงานกัน และ บช.ก.ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมมาให้ดีเอสไอตลอดเวลา การสอบปากคำผู้ต้องหารายใดเพิ่มเติม ดีเอสไอจะประชุมร่วมกับตำรวจ เพื่อพิจารณาว่าส่วนใดบ้างที่ บช.ก.อยากดำเนินการพ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯฝากขังได้ 7 ฝาก“อีกทั้งเรื่องหมายจับผู้ต้องหากลุ่มถัดไป ดีเอสไอ ขอดูพยานหลักฐานสำคัญที่ต้องเพียงพอตามสมควร และเราต้องพิจารณาร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง จะทำอย่างมีประสิทธิภาพ ทันผัดฝากขังผู้ต้องหาแน่นอน เพราะข้อกล่าวหา พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯสามารถขยายเวลาฝากขังได้ถึง 7 ฝาก แต่เราต้องรีบพิจารณาเร็วด้วย ทั้งนี้ จะมีหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ขอให้อัยการมาร่วมเป็นที่ปรึกษาคดี รวมทั้งเชิญผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ทุกด้านมาเป็นที่ปรึกษาในคดี เพราะเราต้องดูการต่อสู้ของผู้ต้องหาและประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางการเงิน การวิเคราะห์ การเสียภาษี เนื่องด้วยเขาอยู่ในวงการขายตรงมาหลายปี” รองอธิบดีดีเอสไอกล่าวลอต 2 ต้องพิจารณาพฤติกรรมร.ต.อ.วิษณุกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีแม่ทีม 5 คนที่นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายบอสพอลจะเข้ามายื่นร้องทุกข์กล่าวโทษ ขอให้ดีเอสไอเปลี่ยนสถานะจากผู้เสียหายเป็นผู้ต้องหา ต้องขอดูข้อเท็จจริงก่อนว่ามีประโยชน์ตรงไหน หรือมีพฤติการณ์ที่เราจะใช้มาเป็นพยานหลักฐานในคดีได้หรือไม่ อะไรที่ส่งมาแล้วเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเรายินดี แต่ต้องสอดรับกับหลักฐานที่เรารับมา โดยเฉพาะหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ สำหรับลักษณะของตัวการร่วมกระทำความผิด สามารถ พิจารณาได้ว่าอะไรคือตัวการหลัก ตัวการร่วม และต้องยึดข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐาน หรือรู้ หรือควรรู้แล้วอ้างไม่รู้ รวมทั้งต้องใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พวกเส้นทางการเงินมีลักษณะอย่างไร ในเรื่องแชร์ลูกโซ่มันชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้น การออกหมายเรียกใครในกลุ่ม 2 มาสอบปากคำหรือดำเนินคดี ต้องดูเส้นทางการเงินว่าใครได้ประโยชน์ หรือเกี่ยวข้อง กับผู้กระทำความผิดตัวการหลักที่อยู่ในเรือนจำฯ หรือเรียกว่าตัวการร่วมพรีเซนเตอร์ยังลูกผีลูกคนรองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวต่อว่า กลุ่มพรีเซนเตอร์มีความผิดด้วยหรือไม่ ต้องดูรายละเอียดและข้อเท็จจริงรายบุคคล ต้องดูสิ่งตอบแทนที่ได้รับ ส่วนบัญชีแอ็กเคาต์ที่เกี่ยวข้องกับแผนธุรกิจดิ ไอคอนฯประมาณ 300,000 บัญชี อยู่ระหว่างตรวจสอบเรื่องนิติวิทยา ศาสตร์ แต่ยังไม่ขอเผยว่ามีชื่อบุคคลสำคัญหรือไม่ ส่วนประเด็นนาฬิกาปลอมที่ดีเอสไอตรวจยึดมา เบื้องต้นมีกระแสข่าวว่าเป็นของนายธนะโรจน์ หรือบอสอ๊อฟ ธิติจริยาวัชร์หากเป็นการสะสมไว้จัดฉากโชว์ อ้างว่าประกอบธุรกิจกับเขาแล้วจะมีนาฬิกาหรู แบบนี้จะยึดไว้เป็นของกลาง ส่วนผลตรวจพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญยังไม่ได้แจ้งมา หากตรวจแล้วเป็นของแท้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เสียหายได้รับเฉลี่ยเงินคืนมากขึ้นจาก ปปง.ตำรวจเร่งหมายจับเพราะกลัวหนีด้าน พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. มีผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดกลุ่มผู้ต้องหาและเครือข่าย ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนประเด็นต่างๆเป็นจำนวนมาก ขณะนั้นผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดหลายข้อหา ทั้งความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯและความผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชน รวบรวมพยานหลักฐานใช้ดำเนินคดีกลุ่มผู้ต้องหา แต่ระยะเวลาเพียง 5 วันหลังสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาเริ่มยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และเตรียมการหลบหนีออกนอกประเทศ จึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดไปให้ศาลอาญาพิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหาทุกคน ความผิดข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมฯ และฉ้อโกงประชาชน ซึ่งมีหลักฐานเพียงพอจนศาลออกหมายจับให้ยันไม่ได้อยากโอนคดีให้ดีเอสไอ“หลังจับกุมผู้ต้องหาครบทุกคน ตำรวจสอบปากคำผู้ต้องหา ปรากฏหลักฐานข้อมูลเส้นทางการเงิน งบการเงิน รูปแบบการตลาด และการเสียภาษีพบว่า มีรูปแบบพฤติการณ์เสนอผลตอบแทน สร้างภาพลักษณ์ภูมิฐาน ชักจูงให้มีความน่าเชื่อถือ เป็นพฤติการณ์ของแชร์ลูกโซ่ เมื่อตรวจสอบจำนวนผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายชัดเจนว่า คดีดังกล่าวเข้าตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ 2547 ต้องมีผู้เสียหายมากกว่า 300 คน และมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท ต้องส่งคดีให้ดีเอสไอพิจารณา ไม่ได้เป็นการโยนคดี แต่เป็นไปตามที่กฎหมายระบุ จึงเร่งรวบรวมพฤติการณ์พยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้ดีเอสไอดำเนินคดีต่อ” รอง ผบช.ก.กล่าวสำนวนคืบกว่า 70 เปอร์เซ็นต์แล้วพล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวอีกว่า ตั้งแต่เริ่มทำคดีมาถึงปัจจุบัน การรับแจ้งความในสำนวนของผู้เสียหายยอมรับว่ายังไม่เรียบร้อย และไม่ทราบว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อใด เนื่องจากแจ้งความเข้ามามากกว่า 8,000 คน ทั้งที่ บช.ก.และจากต่างจังหวัด สำนวนที่แจ้งความที่ตำรวจสอบสวนกลางทยอยส่งสำนวนให้ดีเอสไอเกือบครบแล้ว แต่ต้องรอให้สถานีตำรวจแต่ละพื้นที่ส่งสำนวนเข้ามาที่ส่วนกลางเพื่อรวบรวมส่งให้ดีเอสไออีก ยืนยันว่าขณะนี้ตำรวจทำสำนวนคดีและมีพยานหลักฐานเกินกว่าร้อยละ 70 หากดีเอสไอต้องการข้อมูล พยานหลักฐาน หรือความช่วยเหลือ พร้อมสนับสนุนทยอยส่งสำนวนอีก 17 ลังผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ.ทยอยนำส่งสำนวนคดีบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป ให้กับดีเอสไอเพิ่มเติมอีก 17 ลัง สำนวนทั้งหมดจะถูกนำไปไว้รวมกับสำนวน 20 ลัง ที่ส่งมาเมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ห้องกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ศูนย์ราชการฯ อาคารบี ชั้น 8 คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะตรวจสอบทุกแฟ้มเอกสาร ทั้งสำนวนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายและคำให้การของผู้ต้องหาแจง “อัจฉริยะ” แอบเยี่ยมโค้ชแล็ปนอกจากนี้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.กล่าวถึงกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบนายจิระวัฒน์ หรือโค้ชแล็ป แสงภักดี ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบวันดังกล่าวทราบว่า ญาติฝ่ายถูกกล่าวหาร้องมาว่า มีประเด็นอยากให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นประโยชน์ แต่เมื่อเข้าไปอาจยังไม่มีประเด็นใหม่เลยไม่ได้สอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนกรณีนายอัจฉริยะประสานตำรวจขอเข้าไปในเรือนจำด้วยนั้น ตนไม่มีรายละเอียดในส่วนนี้ แต่ทราบเบื้องต้นว่ามีการเปิดให้เยี่ยมญาติ ถ้าเรือนจำอนุญาตนายอัจฉริยะก็สามารถเข้าเยี่ยมได้รอง ผบช.ก.ปัดอยู่ระหว่างตรวจสอบผู้สื่อข่าวถามว่า การเข้าห้องสอบสวนในเรือนจำ บุคคลไม่ใช่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าได้หรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า ถ้าไม่ใช่การสอบสวน ไปเพียงพูดคุยหาข้อเท็จจริงปกติทำได้ วันนั้นตำรวจเข้าไปก็ไม่ได้สอบปากคำ และพูดคุยเรื่องทั่วไป ถามว่าตำรวจสอบสวนกลางทำหนังสือถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร และมีรายชื่อนายอัจฉริยะร่วมอยู่ด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะมีทีมปฏิบัติดำเนินการ เพราะต้องชี้แจงได้ในภายหลัง ตนไม่ได้ตรวจสอบเองอาจจะยังตอบได้ไม่ชัดเจนในขณะนี้ปูดมีเรียกเงินโค้ชแล็ป 9 ล้านถามว่าจุดเริ่มต้นมาจากกรณีอ้างว่ามีตำรวจ บก.ปคบ.จะรีดเงินไม่ให้ออกหมายจับโค้ชแล็ป 9 ล้านบาท ภรรยาโค้ชแล็ปและเพื่อนรุ่นพี่โค้ชแล็ป ประสานนายอัจฉริยะเข้าในเรือนจำฯ เพื่อเซ็นมอบอำนาจ ตำรวจสอบถามทางภรรยาและเพื่อนรุ่นพี่โค้ชแล็ปหรือยัง พล.ต.ต.สุวัฒน์เผยสั้นๆ ว่า ประเด็นดังกล่าวยังไม่ทราบข้อเท็จจริง รวมทั้งนายอัจฉริยะไม่ได้เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ถามว่าโค้ชแล็ปยืนยันว่า ไม่ได้อนุญาตให้นายอัจฉริยะเข้าพบในเรือนจำจริงหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ส่วนจะมีแถลงผลการตรวจสอบให้สาธารณะทราบได้เมื่อใด เรามีทีมดำเนินการอยู่แล้ว ถ้าหากเสร็จสิ้นเมื่อใดจะชี้แจงให้สังคมทราบนำรถหรูบอสปีเตอร์มาให้ตรวจสอบที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เวลา 12.00 น. นายกฤษฎา อินทามระ ทนายความศูนย์รถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ ย่านบางนา นำรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ มายบัค เอส 580 อี ราคาประมาณ 12 ล้านบาท ที่นายกลด หรือบอสปีเตอร์ เศรษฐนันท์ ซื้อไว้ก่อนขายต่อให้คนจีนที่อยู่ จ.ภูเก็ต มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. ตรวจสอบ ทนายกฤษฎา เผยว่า รถคันนี้เป็นรถป้ายแดงที่บอสปีเตอร์ซื้อมาจากศูนย์ย่านบางนาเมื่อปี 66 ซื้อมาในนามของบอสปีเตอร์ ชำระเงินไปแล้วครึ่งหนึ่ง ผ่อนกับไฟแนนซ์อีก 6 ล้านบาท รวมราคารถอยู่ที่ 12 ล้านบาท บอสปีเตอร์ใช้งานเรื่อยมา กระทั่งกลางปี 67 คาดว่าจะทราบต้องมีคดีเกิดขึ้นเกี่ยวกับดิ ไอคอน จึงไปปิดบัญชีไฟแนนซ์เพื่อเร่งเอาเล่มทะเบียนรถมาเป็นของตัวเอง ระหว่างนั้นอาจเป็นช่วงจะเกิดคดี หลังปิดบัญชีไปแล้วนำรถไปขายต่อให้คนจีนอายุ 25 ปีที่พักอาศัยอยู่ จ.ภูเก็ต โดยการโอนลอย และคนจีนชำระเงินให้กับบอสปีเตอร์แล้วทนายวิฑูรย์รับทำคดี 11 บอสเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เวลา 11.00 น. นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล เดินทางมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อนำเอกสารมอบอำนาจการเป็นทนายความมาให้นายจิระวัฒน์ หรือโค้ชแล็ป แสงภักดี เซ็นมอบอำนาจตั้งเป็นทนายใช้เวลาเข้าเยี่ยมราว 1 ชม. ก่อนออกมาเปิดเผยว่า ล่าสุดตนเป็นทนายความดูแลคดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ให้กับ 11 บอสผู้ต้องหาจากทั้งหมด 18 บอสแล้ว วันนี้เยี่ยมบอสพอลและโค้ชแล็ป มีการอัปเดตข้อมูลข่าวสาร เดิมทีจะไปยื่น 5 รายชื่อแม่ข่ายที่ดีเอสไอ แต่ไม่รู้ว่ารับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ตอนนี้ต้องรอให้ชัดก่อนว่าใครจะเป็นเจ้าภาพทำคดี วันนี้มีการพูดคุยกันในเรื่องการต่อสู้คดีเล็งดำเนินคดีพรีเซนเตอร์ ค.นายวิฑูรย์กล่าวว่า “ตอนนี้ทีมทนายสามารถเข้าระบบโปรแกรมเมอร์ หลังบ้านบริษัทดิ ไอคอนฯได้หมดแล้ว รู้งานหลังบ้านและสินค้าเข้าออกวันไหน และส่งออกให้ใครบ้าง ยืนยันว่าไม่ใช่ธุรกิจลูกโซ่แต่เป็นการขายผ่านตัวแทน ตรงนี้มีข้อมูลทุกอย่าง และส่งของผ่านขนส่งดีเอชแอล (DHL) ทุกครั้ง ส่วนบุคคลที่บอสพอลขอให้ดำเนินการเพิ่มอีก 2 คน เป็นคนที่พูดโจมตีบริษัท ในรายการทีวี อักษรย่อ ป. ส่วนอีกคนยังไม่ชัดต้องหาข้อมูลก่อน เบื้องต้นทราบว่าเป็นอัยการ ตอนนี้ มีรายชื่อแม่ข่ายแล้ว 7 คน พฤติกรรมทั้ง 7 คนเป็นคนขายสินค้า มีตัวแทน แต่มีวิธีการหาตัวแทนยังไงไม่ทราบ แต่ทั้งหมดได้รับผลประโยชน์และผลตอบแทนจากบริษัท นอกจากนี้คนที่บอสพอลอยากให้ดำเนินการอีกคนคือ พรีเซนเตอร์อักษรย่อ ค. เป็นพรีเซนเตอร์ก่อนกันต์ กันตถาวร ตอนนี้กำลังดูสัญญาของ ค. ซึ่งได้ผลประโยชน์ตอบแทนเหมือนบอสกันต์ แต่ยังไม่ตกเป็นผู้ต้องหา แต่กลับออกมาแฉในหลายรายการว่า บริษัททำไม่ถูกต้องกล่าวหากองปราบฯ รีด 9 ล้านบาท“สำหรับโค้ชแล็ปยืนยันว่า เป็นคีย์แมนเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์ของบริษัททั้งหมด เนื่องจากที่ผ่านมาโค้ชแล็ปเป็นคนคุมระบบหลังบ้านทั้งหมดของบริษัท ในระบบของบริษัทจะบอกข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับตัวแทน การรับเข้าและส่งออกสินค้า รวมถึงการสต๊อกสินค้าในโกดัง รวมถึงการเปิดบิล 250,000 บาท ต้องเปิดโดยตรงกับทางบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่การเปิดกับแม่ข่าย นอกจากนี้ ยังได้ข้อมูลจากคนใกล้ชิดโค้ชแล็ปว่า ก่อนหน้าที่โค้ชแล็ปจะถูกจับตำรวจกองปราบฯเสนอเรียกรับเงิน 9 ล้านบาทเพื่อแลกการไม่ดำเนินคดี จึงเกี่ยวข้องกับที่นายอัจฉริยะพาตำรวจเข้าไปคุยกับโค้ชแล็ปเมื่อวันที่ 25 ต.ค.” ทนายความของบอสพอล กล่าวประกัน 15 บอสยกเว้นบอสดาราทนายวิฑูรย์กล่าวด้วยว่า หลังจากเข้าเยี่ยมบอสพอลวันนี้จะแยกแดน แดนละ 2-3 คน บอสพอลพูดคุยได้ปกติ มีการประชุมวางแผนร่วมกับบอสทั้งหมดในการต่อสู้คดีตลอด ส่วนเรื่องการประกันตัวในสัปดาห์หน้าจะฝากขังครบ 1 ผัด 12 วัน จะพิจารณาขอยื่นประกันตัวทั้ง 15 บอส ในส่วนของบอสดารายังไม่ได้พูดคุยกันเรื่องนี้ สำหรับการประเมินว่า จะยื่นขอประกันตัวได้หรือไม่ อยู่ที่ดุลพินิจของศาล ทางทีมทนายต้องพูดคุยกันอย่างรอบคอบ ส่วนประเด็นนาฬิกาปลอมที่ยึดได้ที่ห้องพักย่านรามอินทรา ทนายวิฑูรย์ยืนยันว่า นาฬิกาทั้งหมดเป็นของบอสอ๊อฟเป็นของเก๊ทั้งหมด บอสอ๊อฟเป็นคนชอบดูไลฟ์สดและชอบให้แม่ค้าเรียกชื่อในไลฟ์ เป็นการซื้อมาเฉยๆไม่ได้คิดอะไร ยืนยันว่าในวันนี้พนักงานสอบสวน ไม่ได้เข้ามาพบบอสพอล เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากคดีอยู่ระหว่างการโอนไปที่ดีเอสไอ“เคนโด้” โต้ไม่ได้ให้ร้ายดิ ไอคอนต่อมา ดีเจเคนโด้ หรือนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร โดยเพจเคนโด้ช่วยด้วย ออกคำชี้แจงหลังมีข่าวว่า บอสพอลจะไม่ยอมทิ้งใคร สั่งทนายส่วนตัวเตรียมหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีพิธีกรอักษรย่อ “ค.” มีพฤติกรรมจ้องทำลายชื่อเสียงบริษัท เพจเคนโด้โพสต์ชี้แจงว่า “ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ การจะนำเสนอข้อเท็จจริงใด ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง นั้นเสียก่อนว่าจริงหรือไม่ อย่ามโน สิ่งที่ทนายพูดชื่อผมเข้าไปเกี่ยวข้อง ตัวคนให้ข่าวก็รู้อยู่เต็มอกว่า ความจริงคืออะไร ผมเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร อย่าบิดเบือนความจริงสิ เรื่องนี้ผมให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนหมดแล้ว การนำชื่อผมมาเกี่ยวข้องซึ่งไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย ผมไม่ใช่พรีเซนเตอร์ มีนัยอะไร หรือครับ หากอะไรไร้ความจริง อะไรที่ทำให้ผมเสียหายตอนนี้ให้ทีมทนายเข้ามาดูแล อย่าทำโดยอารมณ์โกรธเพราะผมไม่เข้าข้างและไปให้ข้อมูลต่างๆสู่สาธารณชนรึครับ”พยานเท็จ “เอกภพ” ไม่เกี่ยวภูมิใจไทยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เตรียมเรียกนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด อดีตที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย เข้าให้ปากคำกรณีนำพยานเท็จออกมาให้ข้อมูลคดีบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จะมีการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา รมว.มหาดไทยต่อหรือไม่ว่า ตอนนี้เปลี่ยนรัฐบาลแล้ว ไม่ได้ตั้งนายเอกภพเป็นที่ปรึกษาแล้ว เมื่อมีเรื่องอะไรที่สงสัยเราต้องชะลอไว้ก่อน ส่วนความเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ใครก็เป็นได้ อย่างที่บอกเขามีความผิดหรือไม่ เรายังไม่ทราบ การกระทำของนายเอกภพถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว พรรคไม่เคยเข้าไปข้องแวะหรือเกี่ยวข้อง นายเอกภพไม่สามารถใช้ตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.มหาดไทยแล้ว เพราะหมดไปตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ตอนนี้เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เพียงแต่ตนยังอยู่ที่เดิม และยังไม่ได้ตั้งใครเป็นที่ปรึกษา“เอกภพ” แจงไม่ยึดติดตำแหน่งด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ส่งข้อความผ่านกลุ่มสื่อมวลชน กรณีตำแหน่งที่ปรึกษา มท.1 นายเอกภพระบุว่า ตำแหน่งที่ปรึกษา มท.1 หมดวาระไปตามรัฐบาลเป็นเรื่องปกติ ปัจจุบันเท่าที่ทราบยังไม่ได้แต่งตั้งใคร ส่วนรัฐบาลนี้ มท.1 จะตั้งใครเป็นที่ปรึกษาเป็นดุลพินิจของท่าน หากไม่มีชื่อตนก็ไม่เสียใจ เพราะทุกคนต่างเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ส่วนตัวยังยืนยันว่า ไม่ว่ามีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง ยังคงทำงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเหมือนเดิม เพราะทำมานานแล้ว ความเดือดร้อนของประชาชนมันรอไม่ได้พยานดิ ไอคอน ทำด้วยเจตนาดี“ส่วนเรื่องคดีดิ ไอคอนที่มีข่าวว่า ทนายจะแจ้งความเอาผิด ผมไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร ยืนยันว่าทุกอย่างทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เจตนาบริสุทธิ์ ต้องการช่วยผู้เสียหายให้ได้รับความเป็นธรรมเท่านั้น หากต้องถูกดำเนินคดีเพราะออกมาช่วยชาวบ้านก็ไม่เป็นไร เชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมจะให้ความเป็นธรรมได้” นายเอกภพระบุนายกฯ มั่นใจคดีดิ ไอคอน ไม่ล่าช้าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีการโอนคดีดิ ไอคอน ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ยังมีข้อกังวลอาจทำให้คดีล่าช้าและต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาก่อนว่า ดีเอสไอกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ประสานการทำงานร่วมกันมาตลอดว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะฉะนั้นเรื่องรายละเอียดทุกอย่าง ตำรวจส่งข้อมูลสนับสนุนให้ดีเอสไอแล้ว ดังนั้น ไม่น่าจะล่าช้า ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมตำรวจนำส่งได้อยู่แล้ว ถามย้ำว่าจะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้หรือไม่ว่า คดีจะไม่ล่าช้า นายกฯกล่าวเพียงสั้นๆว่า “ใช่ค่ะๆ”