จ.สงขลา เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภาคใต้ตอนล่าง มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน สภาพเศรษฐกิจส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับภาคเกษตร ถือได้ว่าเป็นแหล่งอาหารและเป็นแหล่งสร้างรายได้ที่สำคัญอีกแห่งร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เล็งเห็นถึงความสำคัญมีนโยบายขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรและสหกรณ์ ล่าสุดได้ส่งทีมลงไปตรวจเยี่ยม วิสาหกิจชุมชนกลุ่มคนเลี้ยงชันโรง (อุง) หรือผึ้งตัวเล็ก บ้านหัวถนน หมู่ 8 ต.ปริก อ.สะเดา และ วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงปลาน้ำจืด บ้านม่วงก็อง หมู่ 7 ต.พังลา อ.สะเดา ที่รอการส่งเสริมและช่วยเหลือดร.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ผช.รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ประธานคณะอนุกรรมการติดตามงานด้านกิจการเกษตร จ.สงขลา นำคณะลงพื้นที่เยี่ยมชมและติดตามผลงานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มคนเลี้ยงชันโรง (อุง) บ้านหัวถนน โดยมี นายวิเชษต์ สายกี้เส้ง นอภ.สะเดา และ นางสุคนธ์ ปัจฉิมศิริ ประธานกลุ่มวิสาหกิจผู้เลี้ยงชันโรง และสมาชิกให้การต้อนรับนางสุคนธ์ ปัจฉิมศิริ ประธานกลุ่มวิสาหกิจผู้เลี้ยงชันโรง เปิดเผยว่า กลุ่มวิสาหกิจผู้เลี้ยงชันโรงบ้านหัวถนน มีสมาชิก 250 ราย เกษตรกรส่วนใหญ่เลี้ยงชันโรงในสวนยางพาราและสวนผลไม้ทุกประเภท ส่งผลให้สวนผลไม้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 30-40 จากการช่วยผสมเกสรของผึ้งชันโรง“ปัจจุบันผลิตน้ำผึ้งชันโรงได้กว่า 6,000,000 ซีซี มีคุณสมบัติดีกว่าน้ำผึ้งทั่วไป สามารถแปรรูปผลิตเป็นสินค้าชุมชน เช่น น้ำผึ้งบำรุงสุขภาพ สบู่ เครื่องสำอาง น้ำยาอเนกประสงค์ น้ำยาระงับกลิ่นเท้า และเครื่องดื่มบำรุงร่างกาย มีออเดอร์มาอย่างต่อเนื่องและอนาคตมีลู่ทางสดใส” นางสุคนธ์ กล่าว โรงเลี้ยงชันโรง (อุง) หรือผึ้งตัวเล็ก ของ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มคนเลี้ยงชันโรง หมู่ 8 ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา.ดร.จอมขวัญ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามและขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรและสหกรณ์ ตามนโยบาย รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงชันโรง การแยกรัง การขยายพันธุ์ และการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผลผลิตน้ำผึ้งชันโรง พร้อมรับฟังปัญหาเพื่อนำไปสู่การแก้ไขต่างๆ ผลิตภัณฑ์ชุมชนจาก กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มคนเลี้ยงชันโรง ที่ได้รับความสนใจและสร้างรายได้ให้กับชุมชน.จากนั้น ดร.จอมขวัญ พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่บ้านม่วงก็อง หมู่ 7 ต.พังลา อ.สะเดา จ.สงขลา รับฟังปัญหาจากกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง ภายหลังประสบปัญหาคลองอู่ตะเภาแห้งขอด สาเหตุจากคลองตื้นเขินสมาชิกกลุ่มผู้เลี้ยงปลาบ้านม่วงก็อง เปิดเผยว่า มีสมาชิก 24 ราย เลี้ยงปลา จำนวน 109 กระชัง ได้รับความเดือดร้อนปัญหาเรื่องคลองอู่ตะเภาแห้งขอด เกาะกลางลำน้ำมีตะกอนดิน น้ำร้อนขาดออกซิเจน ส่งผลให้ปลาตายเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงหน้าร้อนเกษตรกรต้องงดการเลี้ยงปลา ส่งผลให้รายได้ของครอบครัวลดลง ดร.จอมขวัญ-กลับบ้านเกาะ ผช.รมว.เกษตรฯ และ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ประธานอนุกรรมการติดตามการเกษตร จ.สงขลา.ดร.จอมขวัญ กล่าวอีกว่า คลองอู่ตะเภาต้นกำเนิดมาจากเขื่อนคลองสะเดาไหลผ่าน อ.สะเดา และ อ.คลองหอยโข่ง มีเกษตรเลี้ยงปลาน้ำจืดในกระชังหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่บ้านม่วงก็องเลี้ยงปลามานานกว่า 40 ปี ปลาที่เลี้ยงส่วนใหญ่ ได้แก่ ปลากะพงน้ำจืด ปลากดเหลือง ปลานิล ปลาดุก และปลาสวายที่ผ่านมาผลิตปลาสดออกสู่ท้องตลาดและสินค้าผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น ปลาส้ม ที่มีรสชาติอร่อยไม่เหมือนใครโดยใช้น้ำตาลโตนดมาเป็นส่วนผสมรสชาติกลมกล่อมหวานอมเปรี้ยว ส่งออกขายเป็น OTOP ของจังหวัดสงขลาได้รับความนิยมในท้องตลาดอย่างมาก ดร.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ผช.รมว.เกษตรฯ และ นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ประธานอนุกรรมการติดตามการเกษตร จ.สงขลา.กระทั่งเผชิญปัญหาคลองอู่ตะเภาแห้งขอด บางรายต้องยุติการเลี้ยงปลาในหน้าแล้ง ทำให้เกษตรกรมีรายได้ไม่ต่อเนื่อง ได้รายงานเรื่องความเดือดร้อนไปยัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ และได้สั่งการให้ดำเนินการออกแบบขุดลอกและเคลื่อนย้ายตะกอนภายในคลองอู่ตะเภาให้มีความลึกประมาณ 2 เมตรจากระดับปัจจุบัน รวมทั้งประสานวิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ ในการออกแบบสร้างฝายชะลอน้ำเพื่อรักษาระดับน้ำในหน้าแล้งให้เกษตรกรสามารถเลี้ยงปลาได้อย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอนน่าดีใจที่กระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแก้ปัญหาต่างๆ ยกระดับวิสาหกิจผู้เลี้ยงชันโรงและกลุ่มเลี้ยงปลาในกระชังอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน.สุวิทย์ แก้วห่อทอง รายงาน