ด็อกเตอร์สาวข้าราชการกระทรวง เกษตรฯ ขอความช่วยเหลือ “กัน จอมพลัง” จี้คดีถูกสามีอ้างเป็นบอดี้การ์ดบุคคลสำคัญตบตีทำร้ายร่างกาย ใช้ดาบซามูไรไล่ฟันรถยนต์ยับ ลากตัวลงมากระทืบกลางถนนจนต้องเข้ารักษาในห้องไอซียูปมจับได้ผัวแอบมีหญิงอื่น ด้านฝ่ายชายติดต่อมอบตัวกับตำรวจ แต่ยื่นข้อแม้ขอเจรจาเมียก่อนแจ้งข้อหาหนุ่มอ้างเป็นตำรวจอารักขาบุคคลสำคัญกระทืบภรรยาด็อกเตอร์เข้าไอซียูรายนี้ เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 6 พ.ค. ที่ สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง เดินทางมาพร้อมกับ ดร.หญิง (นามสมมติ) ข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าพบ พ.ต.อ.จิระเดช ชมภูนิตย์ ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว เพื่อขอทราบความคืบหน้ากรณีเมื่อค่ำวันที่ 31 พ.ค. ดร.หญิงผู้เสียหาย ถูกสามีชื่อนายพิริยะ (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ทำร้ายร่างกาย ใช้ดาบซามูไรไล่ฟันจนต้องหนีเข้าไปในรถยนต์ปิดล็อกประตู แต่สามียังใช้มีดฟันตัวรถบังคับให้ออกมาจากนั้นถูกทำร้ายชกต่อยกระทืบลากไปตามถนนบาดเจ็บสาหัส ระหว่างนั้นมีตำรวจสายตรวจผ่านมาพบเห็นได้เข้าห้ามปราม เพราะเห็นทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน แต่สามียังไม่เกรงกลัว ใช้มีดจี้คอภรรยาห้ามไม่ให้ตำรวจยุ่งเกี่ยว อ้างเป็นเจ้าหน้าที่อารักขาบุคคลสำคัญ ทำให้ตำรวจเกรงกลัว เมื่อเหตุการณ์สงบและสามีจากไป ดร.หญิงถูกนำส่งโรงพยาบาล บาดเจ็บสาหัส รักษาตัวในห้องไอซียูจนอาการทุเลาลง ได้ออกจากโรงพยาบาลมาแจ้งความ สภ.โพธิ์แก้ว แต่ด้วยความกลัวว่าสามีจะตามมาฆ่าเพราะข่มขู่ไม่ให้ไปแจ้งความ ดร.หญิงเลยเข้าร้องเรียนต่อ “กัน จอมพลัง” ให้ช่วยเหลือ จากนั้น พ.ต.อ.จิระเดช ชมภูนิตย์ ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว ได้เชิญทั้งหมดเข้าห้องสอบสวนสอบถามรายละเอียดกว่า 2 ชั่วโมงกัน จอมพลังเผยว่า วันนี้มาติดตามความคืบหน้าคดีของ ดร.หญิงว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว เรื่องนี้ผู้เสียหายเป็นถึงด็อกเตอร์และเป็นข้าราชการในกระทรวงหนึ่งที่ถูกสามีทำร้าย และสามีอ้างเป็นตำรวจ ทราบว่าสาเหตุเกิดจากสามีไปมีหญิงอื่น เมื่อ ดร.หญิง รู้ได้สอบถามฝ่ายหญิงจนทำให้สามีโกรธ ทำร้ายร่างกายและข่มขู่หลายครั้ง รุนแรงหนักขึ้นเรื่อยๆถึงขั้นใช้ดาบซามูไรไล่ฟัน และลากตัวลงจากรถมากระทืบกลางถนน เจ็บสาหัส หลังออกจากโรงพยาบาลผู้เสียหายต้องหอบลูกหนีออกจากบ้าน ไม่กล้ากลับเข้าไปอีก ที่สำคัญในบ้านและนอกบ้านติดกล้องวงจรปิดไว้ แต่ตำรวจเจ้าของคดียังไม่นำภาพจากกล้องมาดู ผ่านไป 1 สัปดาห์แล้วเรื่องยังเงียบเลยต้องมาตามกัน จอมพลังกล่าวอีกว่า ตนอยากทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจสังกัดไหน ใช่ตำรวจจริงหรือไม่ เพราะผู้เสียหายนำคลิปมาให้ดูมีการพูดอ้างเป็นบอดี้การ์ดบุคคลสำคัญ หากเป็นจริงและมีความประพฤติเช่นนี้ไม่เหมาะสม แม้จะเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ แต่ครอบครัวยังดูแลไม่ได้จะไปดูแลคนอื่นได้อย่างไร แล้วไปเข้าข้างหญิงอื่น กลับมาทำร้ายภรรยาอีก หลังเกิดเรื่องยังส่งข้อความมาข่มขู่ภรรยาให้ไปถอนแจ้งความด้วยดร.หญิงเปิดเผยว่า รู้จักกับสามีตั้งแต่เรียนปริญญาโทด้วยกัน คบหาแต่งงานจนมีลูกวัย 1ขวบเศษ ยอมรับสามีเจ้าชู้มาก ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไปมีหญิงอื่น ตนจับได้เรื่อยมาแต่ยอมทนอยู่ด้วยกันเพื่อลูก ถูกทำร้ายมาตั้งแต่ปี 2564 แต่ไม่หนักมาก เคยถูกกระทืบที่หัวและที่หลัง 2 ครั้ง สาเหตุมาจากเรื่องชู้สาว เคยพูดคุยกับหญิงสาวที่เป็นชู้ให้เลิกกับสามี แต่หญิงคนดังกล่าวไม่ยอมเลิก และยังส่งคลิปเสียงที่ฝ่ายชายพูดคุยกับฝ่ายหญิง อ้างตัวเป็นบอดี้การ์ดบุคคลสำคัญ จะแอบอ้างกับผู้หญิงทุกคนว่าทำงานให้กับบุคคลสำคัญแต่ครั้งนี้ที่ตนทนไม่ไหวเพราะทำรุนแรงที่สุด เคยตามไปเจอและโทรศัพท์ไปหาหัวหน้างานของฝ่ายชาย อาจเป็นเหตุทำให้สามีโกรธหนักมากถึงขั้นขู่ทำร้ายเอาชีวิตต่อมาเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.จิระเดช ชมภูนิตย์ ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว รับแจ้งจากนายพิริยะ สามี ดร.หญิง ผู้ก่อเหตุว่า จะมามอบตัวกับตำรวจ ขอให้ไปรับตัวที่วัดไร่ขิงพระอารามหลวง ในเวลา 16.10 น. พ.ต.อ.จิระเดช ได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนไปรับตัวนายพิริยะ มาที่ สภ.โพธิ์แก้ว พร้อมสั่งห้ามสื่อมวลชนถ่ายภาพเด็ดขาด จากนั้นได้แจ้ง กัน จอมพลัง ให้พา ดร.หญิง ผู้เสียหายมาพบ เพื่อไปตรวจค้นบ้านย่านพุทธมณฑล สาย 4 และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ รวมทั้งเก็บข้าวของเครื่องใช้และทรัพย์สินของ ดร.หญิง ที่เอาออกมาจากบ้านไม่ได้ ครั้งนี้จะมีตำรวจเป็นพยานบันทึกบัญชีทรัพย์สินให้ ขณะที่นายพิริยะได้ยื่นข้อแม้กับตำรวจก่อนถูกแจ้งข้อหา จะขอพูดคุยกับ ดร.หญิง ภรรยาก่อน เพราะอยู่กินกันมาหลายปีจนมีบุตรด้วยกัน ทำให้ตำรวจยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา รอให้ทั้ง 2 คนเจรจากันก่อนเนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สำหรับนายพิริยะ อดีตเป็นทหารเรือ ก่อนโยกย้ายหน่วยงานอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่