“ดีเอสไอ” สอบคดี “กำนันนก” ฮั้วประมูลเสร็จแล้ว แจงยิบขั้นตอนการฮั้วและตัวละครที่เกี่ยวข้อง พบความผิดรวม 19 คดี มูลค่ากว่า 1,300 ล้านบาท เตรียมเข้าสอบปากคำพร้อมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในเรือนจำรวม 17 คดี ส่วนอีก 2 คดีเป็นความผิดของพ่อแม่ “ผู้ใหญ่โยชน์” และนางสุวีณาเตรียมออกหมายเรียกมาแจ้งข้อหา แต่ยังพบข้อสงสัยว่ากลุ่มผู้ต้องหาเอาข้อมูลผู้เข้าร่วมประมูลงานมาได้ยังไง เร่งสอบหามือมืดตัวฉกข้อมูลหน่วยงานรัฐออกมาขายความคืบหน้าการดำเนินคดีฮั้วประมูลนายประวีณ จันทร์คล้าย อายุ 34 ปี หรือกำนันนก เปิดเผยขึ้นที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 เม.ย. ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูลฯ ฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีกำนันนก ฮั้วประมูลโครงการรัฐ เผยว่า ช่วงหลายเดือนคณะพนักงานสอบสวนสืบสวนแสวงหาพยานหลักฐานสำคัญ เพื่อหาผู้เกี่ยวข้องให้ได้ภาพชัดเจนที่สุดว่า กำนันนกมีขั้นตอนการเข้าประมูลโครงการรัฐอย่างไร ทำด้วยตัวเองหรือสั่งการผ่านใครฐานะลูกน้องหรือไม่ เนื่องจากมันอยู่ในระบบการประกวดราคาอิเล็ก ทรอนิกส์ (E-bidding) ดังนั้นการซื้อแบบตั้งแต่แรกจะเป็นการซื้อในระบบโดยไม่เห็นหน้ากัน ส่วนคนที่ซื้อซองจะได้รหัสและรับทราบวันเวลาเข้าร่วมประมูล และต้องเสนอราคาภายในระยะเวลาที่กำหนดห้วง 08.00-16.00 น. ใครที่ให้ราคาต่ำสุดคนนั้นได้โครงการไป“ส่วนวิธีการฮั้วประมูลของกำนันนก ดีเอสไอสืบสวนสอบสวนจนพบว่า กำนันนกมีพฤติการณ์ว่าจ้างซื้อข้อมูลของผู้เข้าซื้อซองประมูลโครงการจากกลุ่มผู้จัดฮั้วประจำจังหวัด ซึ่งมีหลายกลุ่มกระจายกันไป เฉพาะในจังหวัดนครปฐมจะมีประมาณ 2-3 กลุ่ม ในส่วนกำนันนกมีการว่าจ้างกลุ่มของนายมอส นายมนเทียร จอนมอญ หรือมอส และนางเกษฎาพร จอนมอญ ภรรยา บ่อยที่สุด อย่างไรก็ตาม ในการสอบปากคำที่ผ่านมา 2 สามีภรรยาไม่ได้ให้การว่าได้ข้อมูลรายชื่อผู้เข้าซื้อซองอย่างไร แต่ไม่ใช่อุปสรรคเพราะเราจะเน้นสืบสวนที่เส้นทางการเงิน อีกทั้งแต่ละโครงการกำนันนกจะว่าจ้างกลุ่มจัดฮั้วแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่อยู่ที่ร้อยละ 2-3 ยกตัวอย่างเช่น ตัวโครงการมูลค่า 40 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายที่กลุ่มจัดฮั้วตกลงกับกำนันนกจะอยู่ประมาณ 2-4 ล้านบาท” ผอ.กองคดีฮั้วประมูลกล่าวร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวต่อว่า เมื่อกำนันนกไปบริหารบริษัท ป.รวีกนกก่อสร้าง จำกัด มีกำไรจากงานก่อสร้างต่างๆ แต่ต้องเตรียมเงินไว้จ่ายให้กลุ่มจัดฮั้ว แนวคิดสำคัญคือไม่สามารถนำเงินบริษัทออกไปชำระโดยตรงได้ มีพนักงานชื่อ นายอำนาจ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี มือทำบัญชีกำนันนก หรือเป็นนอมินีคอยทำหน้าที่ผ่องถ่ายเงิน กำนันนกนำเงินออกจากบริษัทด้วยวิธีการสั่งจ่ายเช็คเงินสดให้นายอำนาจ เส้นทางการเงินที่ดีเอสไอพบจากการสืบสวนมูลค่าสูงถึง 48 ล้านบาทในปี 2565 ดำเนินการถึง 37 ครั้ง จากนั้นนายอำนาจไปถอนเงินสดเอาไปแบ่งจ่ายให้กลุ่มจัดฮั้ว ดีเอสไอพบเส้นทางการเงินระหว่างกำนันนก นายอำนาจ นายวิชาญ (หัวหน้ากลุ่มจัดฮั้ว) และนายมอสกับภรรยาผู้จัดฮั้ว พร้อมด้วยกลุ่มผู้เข้ายื่นซื้อซองที่มีเจตนาสมยอมราคา พฤติการณ์ขั้นตอนการจัดฮั้ว เมื่อกลุ่มนายมอสได้รับเงินจากกำนันนกจะนำไปซื้อข้อมูลรายชื่อผู้เข้ายื่นซื้อซองประมูลโครงการของรัฐ“สิ่งที่อยู่ระหว่างขยายผลคือ ใครเป็นผู้ขายข้อมูลผู้ยื่นซื้อซองให้กลุ่มนายมอส และได้ข้อมูลภาครัฐได้อย่างไร เช่น หากได้มา 40 รายชื่อ นายมอสและภรรยาจะมีลูกจ้างอีกส่วนคอยโทรศัพท์ไปของาน เสนอผลประโยชน์ว่า ถ้าไม่เข้ายื่นเปิดซองวันประกวดราคาจะได้รับเงินตั้งแต่ 20,000-50,000 บาทแล้วแต่ตกลง ส่วนระยะเวลาจ่ายเงินอยู่ใน 3 ห้วงเวลาคือ ก่อนวัน ระหว่างวัน และหลังวันอี-บิดดิ้ง พอได้รับเงินทำให้วันเปิดซองประกวดราคากลุ่มคนเหล่านี้จะไม่เข้ามาร่วม กลายเป็นหลักฐานสำคัญทำให้ดีเอสไอพบว่า มีจำนวนผู้เข้ายื่นซื้อซอง ประกวดราคาจำนวนมาก แต่พอถึงวันเปิดซองจำนวนกลับลดลง บางครั้งเหลือ 2-3 บริษัท มักเป็นบริษัทในเครือกำนันนกเองถูกเลือกมาอย่างดีเพื่อไม่ตกเป็นที่สงสัย กรณีฮั้วประมูลที่แนบเนียนที่สุดคือ เหลือบริษัทเข้ายื่นเปิดซองประมาณ 3-4 บริษัท” ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาสอบพยานไปแล้วกว่า 100 ปาก ประกอบด้วยคนซื้อซองประกวดราคา เจ้าหน้าที่ธนาคาร คนเข้าไปเป็นคู่เทียบการประกวดราคา เจ้าหน้าที่รัฐผู้จัดทำโครงการ เจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง และกรมทางหลวง โดยเฉพาะกลุ่มที่เข้ายื่นซื้อซองแต่ถอนตัวในวันเปิดซอง บางส่วนยอมรับเพราะล้วนเป็นคนนอกที่เข้ามายื่นซื้อซอง พอได้รับโทรศัพท์ข่มขู่ขอให้ถอนตัวต้องทำตาม ทำให้ได้เงินค่าซื้อซองคืนในวงการเรียกว่า “บาท-บาท” หากยอมถอยนอกจากจะได้ค่าซองคืนแล้วยังได้เงินค่ารถค่าน้ำมันที่เสียเวลาด้วย กลุ่มที่ถูกโทรศัพท์ขอหรือข่มขู่มี 5 ราย ให้การว่า มักได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า “โครงการ...ผู้ใหญ่โยชน์และกำนันนกขอ” ทั้งหมดถูกกันไว้เป็นพยานแล้ว ขณะที่บางส่วนไม่ยอมรับว่าเงินที่ได้มาคือเงินอะไร กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับกำนันนกโดยตรง“การดำเนินคดีกับทุกกลุ่มที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูล ทั้งกำนันนก ลูกน้อง กลุ่มผู้จัดฮั้ว และกลุ่มผู้เข้าซื้อซองเสนอราคา ทั้งหมดมีความผิดฐานตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือโดยการกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานของรัฐ หรือโดยการเอาเปรียบแก่หน่วยงานของรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ ข้อหาร่วมกันให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้อื่นเพื่อประโยชน์ในการเสนอราคา โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะจูงใจให้ผู้นั้นร่วมดำเนินการใดๆ อันเป็นการให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐหรือเพื่อจูงใจให้ผู้นั้นไม่เข้าร่วมในการเสนอราคาหรือถอนการเสนอราคา อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 2542” ผอ.กองคดีฮั้วประมูลกล่าวผอ.กองคดีฮั้วประมูลกล่าวด้วยว่า วันที่ 29 เม.ย. เวลา 13.00 น. คณะพนักงานสอบสวน นำโดย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีดีเอสไอ ฐานะหัวหน้าคณะทำงาน พร้อมด้วยตนจะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำเพิ่มเติมกำนันนกในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ประเด็นพฤติการณ์ในคดี โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่เป็นมือไม้ทำงานให้กำนันนก ทำไมโอนเงินให้ไปทำธุรกรรมต่างๆ หรือมีความสัมพันธ์รู้จักใครในผังบุคคลที่ดีเอสไอขยายผลตรวจเจอ สำหรับพ่อและแม่กำนันนก ได้แก่ นายลออง จันทร์คล้าย หรือผู้ใหญ่โยชน์ และนางสุวีณา จันทร์คล้าย กรรมการผู้มีอำนาจลงนามบริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ ก่อสร้าง จำกัด ยืนยันว่าทั้งคู่ถูกดำเนินคดีแน่นอน ความผิดคนละโครงการกับกำนันนก เพราะในจำนวน 19 โครงการที่พบฮั้วประมูล มี 2 โครงการเป็นของพ่อแม่กำนันนก ส่วนอีก 17 โครงการที่เหลือเป็นของกำนันนกรับผิดชอบ ดีเอสไอยังพบว่าพ่อแม่กำนันนกพยายามถ่ายโอนโครงการรัฐขนาดใหญ่ให้ลูกชาย“หลังจากนี้คณะพนักงานสอบสวนจะเร่งสอบสวนขยายผลไปยังกลุ่มคนที่ขายข้อมูลผู้เข้าซื้อซองประกวดราคาให้ได้ว่า มีใครบ้าง เพราะข้อมูล ทั้งหมดอยู่บนระบบบล็อกเชน (Blockchain) เป็นข้อมูลที่ถูกจัดเก็บโดยหน่วยงานภาครัฐ พนักงานสอบสวนแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รับทราบถึงช่องโหว่แล้ว แต่ได้รับการยืนยันกลับมาว่า จัดเก็บข้อมูลเป็นอย่างดี” ร.ต.อ.สุรวุฒิกล่าวผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 19 โครงการที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ แต่ละโครงการมีมูลค่าเกิน 30 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในความรับผิดของ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมทางหลวง 8 โครงการ กรมทางหลวงชนบท 4 โครงการ และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น 7 โครงการ วงเงินงบประมาณทั้งหมด 1,326,244,000 บาท และวงเงินทำสัญญารวม 1,210,778,289 บาท แบ่งเป็นการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์แบบเดิม (e-auction) 12 โครงการ ตั้งแต่ปี 2554-2559 และการประกวดราคาอิเล็ก ทรอนิกส์แบบใหม่ (e-bidding) 7 โครงการ หลังปี 2559-ปัจจุบันอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่