ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติ มิชอบกลางพิพากษาจำคุก “กำนันนก-ประวีณ จันทร์คล้าย” 2 ปี ส่วนอดีตตำรวจและพลเรือนอีก 21 คนถูกลงโทษ ลดหลั่นตามฐานความผิด ในคดีละเว้นปฏิบัติหน้าที่, ทำลายพยานหลักฐาน, ช่วยเหลือเจ้าพนักงานทำลายหลักฐานและอื่นๆ หลังใช้ลูกน้องคนสนิทยิงสารวัตรศิว-พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว ดับในงานเลี้ยงเมื่อปี 66 ขณะที่คดีอาญาหลัก “กำนันนก” เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทําความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่น ศาลอาญานัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 22 เม.ย.ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 9 เม.ย. ศาลอ่านคำพิพากษา คดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สมสุข อดีต สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร กับพวกตำรวจและพลเรือนที่มีกำนันนก-นายประวีณ จันทร์คล้าย ร่วมด้วย รวมจำเลยทั้งหมด 23 คน จำเลยที่ 1-16 เป็นตำรวจ จำเลยที่ 17-23 เป็นพลเรือน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เอาไปเสีย ทำลายพยานหลักฐานเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้รับโทษ, พาผู้กระทำผิดให้พ้นการจับกุม, เป็นเจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญา ช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้รับโทษตาม ป.อาญา ม.157 ม.184 ม.189 ม.200 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตโดยกระทำร่วมกันหรือกระทำในลักษณะสนับสนุนช่วยเหลือเจ้าพนักงานคำฟ้องในคดีนี้ใจความสรุปว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย.66 กำนันนก-นายประวีณ จันทร์คล้าย จัดงานเลี้ยงที่บ้านพักใน ต.ตาก้อง อ.เมืองนครปฐม มีการเชิญนายตำรวจทั้งในและนอกพื้นที่นับสิบคน มาสังสรรค์และดื่มสุรา ก่อนกำนันนกมีเรื่องบาดหมางกับสารวัตรศิว-พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว อดีต สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เรื่องโยกย้ายตำรวจชั้นประทวนที่จะมารับใช้กำนันนก ระหว่างนั้นถูกสารวัตรศิว-พ.ต.ต.ศิวกรทำให้เสียหน้า จึงส่งสัญญาณให้นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือหน่อง ท่าผา ลูกน้องยิง พ.ต.ต.ศิวกรภายในงานเลี้ยงจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นจำเลยทั้งหมดมีพฤติการณ์เป็นเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เอาไปเสีย ทำลายพยานหลักฐานเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้รับโทษ, พาผู้กระทำผิดให้พ้นการจับกุม, เป็นเจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญาช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้รับโทษ, พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตโดยกระทำร่วมกันหรือกระทำการสนับสนุนช่วยเหลือเจ้าพนักงาน คดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธและถูกขังตามหมายศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พวกจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจตาม ป.วิ.อาญา มีหน้าที่ตามกฎหมาย วันเกิดเหตุกำนันนก-นายประวีณบาดหมางกับผู้ตาย พยักหน้าให้นายธนัญชัย หรือหน่อง ท่าผา ยิงผู้ตาย จากนั้น พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สมสุข สั่งการให้จำเลยอื่นเก็บปลอกกระสุน ผ้าปูโต้ะ ปกปิดคราบเลือด ร.ต.ท.นิมิตร สลิดกุล อดีตรอง สว.จร.สภ.เมืองนครปฐม จำเลยที่ 3 เห็น ร.ต.ท.ประสาร รอดผล อดีตรอง สว. (ป.) ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.จำเลยที่ 2 แย่งปืนจากมือของนายธนัญชัยไป ไม่มีผู้ใดควบคุมตัวนายธนัญชัยทำให้หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุไปโดยง่าย การกระทำของ ร.ต.ท.นิมิตร ย่อมแสดงให้เห็นว่าไม่พยายามจะติดตามจับกุมหรือร้องขอให้ตำรวจนายอื่นช่วยกันจับกุมหรือติดตามไปในทันที ส่วนการที่วิ่งเข้าไปช่วยพยุงร่างผู้บาดเจ็บขึ้นท้ายรถกระบะ ถือว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ขั้นเผชิญเหตุในการช่วยเหลือนำส่งผู้บาดเจ็บ เป็นไปตามสภาวการณ์ที่ถูกต้องแล้ว หลังจากนั้นกลับขับรถ จยย.ออกไปและติดตามไปที่บ้านพักอีกแห่งของกำนันนก จำเลยที่ 22 ไม่ปรากฏว่าขับรถ จยย.ของทางราชการไปช่วยอำนวยความสะดวกระหว่างทางที่มีการส่งตัวผู้ตายหรือผู้ได้รับบาดเจ็บไป รพ.นครปฐม ส่วนจำเลยที่เหลือทั้งหมดยกเว้น จ.ส.ต.อภิรักษ์ โรจน์พวง อดีต ผบ.หมู่ กก.5 บก.ปคม. จำเลยที่ 14 มีพฤติการณ์ตามที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-3, 5 คนละ 2 ปี จำคุกจำเลยที่ 4, 6-13, 15-20, 23 คนละ 1 ปี 4 เดือน จำคุกจำเลยที่ 21 รวม 1 ปี 9 เดือน 21 วัน จำคุกกำนันนก จำเลยที่ 22 รวม 2 ปี ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 9-11, 19, 20, 23 กำหนด 2 ปี (บางรายมีโทษปรับระหว่าง 4- 6 หมื่นบาทด้วย) ส่วนจำเลยที่ 14 ศาลรับฟังไม่ได้ว่ากระทำผิด ให้ยกฟ้องมีรายงานว่าสำหรับคดีหมายเลขดำ อ.3694/ 2566 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกำนันนก-นายประวีณ จันทร์คล้าย ในคดีจ้างวานนายธนัญชัย หมั่นมาก หรือหน่อง ท่าผา ให้ฆ่าสารวัตรศิว-พ.ต.ต. ศิวกร สายบัว ต่อศาลอาญา ในความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทําความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและพยายามฆ่าผู้อื่นฯ เมื่อวันที่ 30 พ.ย.66 นั้น ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น กำนันนก-นายประวีณแถลงให้การปฏิเสธทุกข้อหา ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 22 เม.ย. เวลา 09.00 น.มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 22 คนและยกฟ้อง 1 คนนั้น ในส่วนจำเลยที่ศาลจำคุกไม่รอลงอาญา 16 คนนั้นมีจำเลย 15 คนยกเว้นกำนันนก-นายประวีณ จันทร์คล้าย ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาคำร้องพร้อมหลักทรัพย์แล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ทำให้จำเลยที่มาศาลต่างแยกย้ายกันกลับ บางส่วนที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำได้รับหมายปล่อยตัวในที่สุดอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่