นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เผยว่า ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พืชเศรษฐกิจและพืชใช้น้ำน้อย ที่กรมส่งเสริมการเกษตรสนับสนุนให้เกษตรกรเพาะปลูกหลังสิ้นสุดฤดูกาลทำนาปี เพื่อหลีกเลี่ยงการทำนาปรังและป้องกันความเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำ และที่ผ่านมาได้สนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายต่างๆ ทั้งศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน รวมทั้งจัดแปลงสาธิตหรือแปลงเรียนรู้เพื่อถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการเกษตรให้แก่เกษตรกรในพื้นที่อย่างเป็นระบบ “ล่าสุดเราได้นำปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-1 ของกรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นแบคทีเรียกลุ่มที่สามารถตรึงไนโตรเจน ผลิตสารคล้ายฮอร์โมนพืช ละลายฟอสฟอรัสและโปแตสเซียม และผลิตสารที่ช่วยละลายธาตุเหล็กเข้าสู่เซลล์ของพืช มาทดสอบยังแปลงเรียนรู้การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ 40 จังหวัด เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง 3 รอบฤดูกาลเพาะปลูก ตั้งแต่ปี 2564-2566 ภายใต้ระบบ การจัดการดิน น้ำ ปุ๋ย และระบบการเพาะปลูกที่เหมาะสม ด้วยการนำ ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-1 อัตรา 0.5 กิโลกรัม ผสมน้ำให้ข้นและคลุกเคล้ากับเมล็ดพันธุ์สำหรับเพาะปลูก 1 ไร่ หรือคลุกเคล้าปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-1 อัตรา 0.5 กิโลกรัม เข้ากับปุ๋ยแต่งหน้าปริมาณสำหรับใส่ในแปลงที่เพาะปลูกแล้ว 1 ไร่เราพบว่า ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-1 มีประโยชน์ในการช่วยให้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีรากมากขึ้น ทำให้สามารถยึดเกาะดินได้ดี รากแข็งแรง สามารถหาอาหารได้ดี จึงส่งผลให้ต้นข้าวโพดที่ใช้ปุ๋ยมีการเจริญเติบโตได้ดีกว่าต้นข้าวโพดที่ไม่ได้ใช้ปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-1 ทำให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 14 หรือประมาณไร่ละ 150 กก.” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรบอกอีกว่า ขณะนี้ทางกรมมีแผนที่จะขยายผลการทดสอบดังกล่าวไปยังกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่สนใจ เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตของตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-1 ปริมาณ 0.5 กก. ราคาถุงละ 60 บาท ในขณะที่ราคาจำหน่าย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่ที่ กก.ละ 8-9 บาทเมื่อคำนวณต้นทุนค่าปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-1 ปริมาณ 0.5 กก. ใช้ได้ 1 ไร่ ช่วยเพิ่มผลผลิตได้ไร่ละ 150 กก. จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไร่ละ 1,200-1,300 บาท จากการลงทุนเพิ่มไปแค่ 60 บาทเท่านั้นเองเกษตรกรที่สนใจปุ๋ยชีวภาพพีจีพีอาร์-1 สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มงานวิจัยจุลินทรีย์ดิน กรมวิชาการเกษตร โทร.0-2579-7522-23 หรือติดต่อผ่านสำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้าน. ชาติชาย ศิริพัฒน์คลิกอ่าน "ข่าวเกษตร" เพิ่มเติม