“เฮียเก้า” บินกลับจากประเทศจีนเข้ามอบตัวกับดีเอสไอตามนัดแล้ว พนักงานสอบสวนแจ้ง 4 ข้อหา หนักตามหมายจับดำเนินคดีคุมตัวสอบเครียด 30 ประเด็นกว่า 3 ชม. ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ยัน “ไม่ได้ทำ” ส่วนลูกชายผู้ต้องหาคนสุดท้ายที่ยังจับกุมไม่ได้ เจ้าตัวอ้างว่าหลังเดินทางไปประเทศจีนติดต่อได้แค่ครั้งเดียว หลังจากนั้นติดต่อไม่ได้อีกเลยกรณีคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษคดีหมูเถื่อน-ไก่เถื่อน รับเป็นคดีพิเศษเพิ่มเติมอีก 2 คดีได้แก่ คดีพิเศษที่ 126/2566 กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย นำออกไปจำหน่ายตามท้องตลาดแล้ว 2,388 ตู้ และคดีพิเศษที่ 127/2566 กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมายกว่า 10,000 ตู้ รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ 5 คน ประกอบด้วยนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า นายหยาง ยา ซุง นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ น.ส.นวพร เชาว์วัย และนายสมเกียรติ กอไพศาล ความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2560 พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ 2558 ความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ต่อมานายหยาง ยา ซุง น.ส.นวพร เชาว์วัย และนายสมเกียรติ กอไพศาล หรือเฮียเกียรติ เข้ามอบตัวให้การปฏิเสธขอประกันตัวออกไป ล่าสุดทนายความของนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า ประสานพนักงานสอบสวนว่า จะเดินทางกลับมามอบตัวที่ท่าอากาศยานดอนเมืองตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นความคืบหน้าจากท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 22 ม.ค. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าควบคุมตัวนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า อายุ 53 ปี 1 ใน 5 ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีตีนไก่สวมสิทธิ์ หลังเดินทางกลับจากประเทศสาธารณรัฐ ประชาชนจีน เบื้องต้นดำเนินการบันทึกจับกุมและแจ้งข้อหาฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 ความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และร่วมกันฟอกเงิน หลังจากนั้นจะนำตัวไปส่ง พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อนไก่เถื่อน เพื่อดำเนินการสอบปากคำและดำเนินการทางกฎหมายต่อมาเวลา 15.45 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าว ดีเอสไอ ควบคุมตัวนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือเฮียเก้า เดินทางมาถึงเพื่อสอบสวนดำเนินคดี ระหว่างเดินเข้าตัวอาคารดีเอสไอ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเฮียเก้าด้วยคำถามจำนวนมากเกี่ยวกับหมายจับที่เกิดขึ้น มีอะไรอยากชี้แจงหรือไม่ เจ้าตัวตอบว่า “ไม่มีครับ” พร้อมยกมือไหว้ผู้สื่อข่าว ถามว่า หมายถึงไม่ทำธุรกิจขายส่งตีนไก่ไปยังประเทศจีนใช่หรือไม่ เจ้าตัวระบุ “ไม่ได้ทำครับ” ถามถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวว่ารู้จักนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ รวมถึงปฏิเสธข้อกล่าวหาหรือไม่ เจ้าตัวกลับนิ่งเฉยไม่ตอบ ก่อนรีบเดินเข้าไปในอาคารหลังสอบสวนเฮียเก้าเกือบ 3 ชม. พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ฐานะหัวหน้าชุดสอบสวนคดีหมูเถื่อนออกมาเผยว่า จากการสอบปากคำเฮียเก้าเบื้องต้นยังให้การปฏิเสธเรื่องสวมสิทธิ์ตีนไก่ส่งออกนอกประเทศ เพียงแค่ยอมรับว่า ทำธุรกิจส่งตีนไก่ออกนอกประเทศจริง แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้ปักใจเชื่อ เนื่องจากมีหลักฐานพบความเชื่อมโยงไปยังผู้ต้องหาคนอื่น อาทิ เส้นทางการเงิน บริษัทชิปปิ้ง และผู้ที่เกี่ยวข้องรายอื่น ส่วนประเด็นสอบปากคำเฮียเก้ามีมากถึง 30 ประเด็น เช่น เรื่องขั้นตอนการส่งออกตีนไก่ไปประเทศจีน การโอนเงินระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงสมาคมที่เฮียเก้าดูแล พนักงานสอบสวนต้องสอบปากคำอย่างละเอียด นำมาพิจารณาว่าเฮียเก้าให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มากน้อยแค่ไหน ก่อนผู้ต้องหาทำเรื่องยื่นขอประกันตัว จะนำเสนอรักษาการอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาเห็นควรให้ประกันตัวหรือไม่“เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหากับพวกทั้ง 5 คน ความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ร.บ.ปศุสัตว์ ฟอกเงิน และอั้งยี่ ส่วนประเด็นนักการเมืองตอนนี้อ้างว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องการส่งตีนไก่ออกนอกประเทศ แต่รู้จักเป็นการส่วนตัวเพราะอยู่หมู่บ้านเดียวกันที่ประเทศจีน ส่วนกรณีนายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ ลูกชาย เฮียเก้าให้การว่า ระหว่างอยู่ประเทศจีนติดต่อกับลูกชายแค่ 1 ครั้งคุยเรื่องธุรกิจ แต่หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนการดำเนินการต่อไปของดีเอสไอ วันที่ 23 ม.ค.เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมดีเอสไอจะประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 127/2566 เป็นคดีเกี่ยวกับเนื้อสัตว์ทุกอย่างตั้งแต่ปี 2564-2567 เพื่อรวบรวมหลักฐานมาสรุปว่าต่อไปจะดำเนินการอย่างไร โดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี และการติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังอยู่ต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีประเด็นใหม่เรื่องการสวมสิทธิ์กุ้งส่งออกนอกประเทศ ดีเอสไอรับการร้องเรียนมีพยานหลักฐานแล้ว” พ.ต.ต.ณฐพลกล่าวอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่