ลิ้นจี่พันธุ์นครพนม 1 สินค้าเกษตรที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI ของจังหวัดชื่อ “ลิ้นจี่นครพนม” จัดอยู่ในกลุ่มพันธุ์เบา ต้องการความหนาวเย็นไม่มากและไม่ยาวนานเหมือนลิ้นจี่ทางภาคเหนือประกอบกับจังหวัดนครพนมมีพื้นที่ติดแม่น้ำโขง ปลายฤดูฝนเดือนตุลาคมมีฝนน้อย ไม่เกิน 60-80 มิลลิเมตร ฤดูหนาวเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ มีอากาศหนาวเย็นอุณหภูมิเฉลี่ย 14.0-17.8 องศาเซลเซียส ต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส เหมาะต่อการออกดอกติดผลของลิ้นจี่“นับเป็นข้อได้เปรียบของลิ้นจี่พันธุ์นครพนม 1 เนื่องจากช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิต มีนาคม-เมษายน เป็นช่วงที่ผลผลิตลิ้นจี่มีน้อย ทำให้ขายได้ราคาสูงถึง กก.ละ 100 บาท” นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เผยว่า การปลูกลิ้นจี่ในจังหวัดนครพนมมาจากการขยายผลงานวิจัยของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครพนม กรมวิชาการเกษตร มีการกระจายพันธุ์ตั้งแต่ปี พ.ศ.2533-2535 และมีพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูก 2,969 ไร่ ให้ผลผลิตรวม 1,574 ตัน“แม้ว่าเกษตรกรจะประสบผลสำเร็จในการปลูกลิ้นจี่ แต่ยังมีปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน ทำให้ลิ้นจี่ออกดอกติดผลไม่สม่ำเสมอในแต่ละปีหรือในต้นเดียวกันผลร่วงมาก ปัญหาผลแตก และมีแมลงศัตรูทำให้ผลผลิตต่ำ ด้อยคุณภาพ”ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครพนมจึงได้ทำการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาและถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกร ดังนี้...หลังการเก็บเกี่ยว ตัดแต่งกิ่ง ใส่ปุ๋ยสูตร 15–15–15 ผสมกับปุ๋ยสูตร 46–0–0 ในสัดส่วน 1:1 ต้นละ 2–3 กก. ปุ๋ยคอกต้นละ 50 กก. หลังแตกใบอ่อนชุดสุดท้ายเข้าสู่ระยะเพสลาด (ปลายเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน) พ่นปุ๋ยทางใบสูตร 0–52–34 จำนวน 3 ครั้ง ทุก 7 วัน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการออกดอกระยะผลเล็ก ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ผสมกับปุ๋ยสูตร 46-0-0 และสูตร 0-0-60 ในสัดส่วน 1:1:1 ต้นละ 2-3 กก. 1-2 ครั้ง และก่อนเก็บเกี่ยว 4-6 สัปดาห์ ใส่ปุ๋ยสูตร 0-0-60 หรือ 13-13-21 ต้นละ 2-3 กิโลกรัม 1-2 ครั้ง ช่วงออกดอกและติดผลให้น้ำต้นละ 200-300 ลิตรต่อสัปดาห์ตัดแต่งกิ่งปีละ 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 หลังเก็บผลผลิต (พฤษภาคม) ตัดแต่งกิ่งแบบเปิดกลางทรงพุ่ม และแต่งกิ่งที่ผิดปกติออก 20-30% ครั้งที่ 2 ปลายฤดูฝน (ตุลาคม) ตัดแต่งกิ่งที่อยู่ภายในทรงพุ่มและกิ่งไม่สมบูรณ์ออก 10% ให้ทรงพุ่มโปร่งแสงแดดส่องทั่วถึงสำหรับการป้องกันกำจัดแมลงวันผลไม้และหนอนเจาะขั้วผล วิธีที่ดีที่สุด...ห่อผลด้วยถุงกระดาษห่อผลไม้สีขาวหลังติดผล 30 วันวิธีรองลงมาใช้กับดักฟีโรโมนเมทิลยูจินอลต้นละ 2 กับดัก โดยติดสูงจากพื้น 1.5 และ 2 เมตร เมื่อพบการทำลายของหนอนเจาะขั้วผลมากกว่า 10% ให้ฉีดพ่นด้วย คาร์บาริล 85% WP อัตรา 45 กรัม/น้ำ 20 ลิตร หรือ ไซฟลูทริน 5% อีซี อัตรา 5 มิลลิลิตร/น้ำ 20 ลิตร และระยะผลเริ่มเปลี่ยนสีฉีดพ่นด้วย ปิโตเลียมออยล์ 83.9% อีซี อัตรา 40-60 มิลลิลิตร/น้ำ 20 ลิตรส่วนการรักษาผลผลิตให้แช่ผลลิ้นจี่ในกรดเกลือ (HCL) เข้มข้น 3% + โซเดียมเมตาไบซัลไฟต์ (SMS) เข้มข้น 1% นาน 10 นาที ผึ่งให้แห้งในที่ร่ม เก็บที่อุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 90–95% จะสามารถรักษาได้นานถึง 30 วัน. ชาติชาย ศิริพัฒน์