สะเทือนใจ แม่พาลูกชายอดีตดาราหนัง “16 ห้าว 19 เดือด” ป่วยติดเตียงออกจากห้องปลอดเชื้อขึ้นรถฉุกเฉินเดินทางมาหน่วยคัดเลือกทหารอย่างทุลักทุเล หลังถูกสาวเมาขับรถยนต์พุ่งชน จยย.จนกลายเป็นผู้พิการ แต่ถึงวันเกณฑ์ต้องพาตัวมาให้กรรมการดูป่วยจริงหรือไม่ ชาวบ้านวิจารณ์สนั่นควรปรับแก้กฎระเบียบให้เข้ากับยุคสมัย ด้านสัสดีชี้แจงแม้สังคมจะมองเป็นภาพไม่สวยงาม แต่กฎหมายทหารเป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่มีข้อละเว้นที่หอประชุมเทศบาลเมืองลำพูน สถานที่รับคัดเลือกทหารกองเกินเข้าเป็นทหารกองประจำการ ประจำปี 2566 เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 เม.ย. มีบรรดาชายฉกรรจ์ที่อายุถึงเกณฑ์มาเข้าแถวรอเข้ารับการตรวจเลือกกว่า 100 คน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว แต่เหล่ากองเชียร์สู้ไม่ถอย เฝ้ารอลุ้นผลการจับใบดำใบแดงของลูกหลานญาติพี่น้องระหว่างนั้นมีรถฉุกเฉินเทศบาลตำบลเวียงยอง นำชายวัยรุ่นที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงเดินทางมาที่หน่วยคัดเลือกด้วยความทุลักทุเล เพื่อให้กรรมการประจำหน่วยตรวจสอบว่าเป็นผู้ป่วยติดเตียงจริงหรือไม่ สร้างความหดหู่ใจให้กับผู้ที่เห็นเหตุการณ์พากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมถึงกฎระเบียบการคัดเลือกทหารที่ล้าสมัย คร่ำครึ ไม่ทันยุคทันสมัย เข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่บางส่วนเรียกร้องให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารได้แล้ว เปลี่ยนไปเป็นการสมัครเข้าเป็นทหารกองประจำการจะเหมาะสมกว่าน.ส.ดวงกมล วุฒิโรธง อายุ 49 ปี แม่ของนายธนกฤต หรืออ็อฟ วุฒิโรธง อายุ 21 ปี ผู้ป่วยติดเตียงที่มาเข้ารับคัดเลือกทหารกองประจำการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า น้องอ็อฟ ลูกชาย เคยเป็นนักแสดงในภาพยนตร์เรื่อง “16 ห้าว 19 เดือด” เข้าฉายเมื่อช่วงสงกรานต์ ปี 2565 วันเกิดเหตุลูกชาย ขี่รถ จยย.ไปช่วยเพื่อนโปรโมตภาพยนตร์ที่ จ.เชียงใหม่ ระหว่างนั้นได้ถูกหญิงสาวคู่กรณี เมาสุราขับรถยนต์ชนรถ จยย.ลูกชายเจ็บสาหัส สมองกระทบกระเทือน ต้องผ่าตัดรักษาอยู่ไอซียูหลายเดือน และมารักษาต่อที่บ้านจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา นอนติดเตียงมาเกือบปีแล้ว วันนี้ต้องนำลูกชายที่อยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัว ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ออกจากห้องปลอดเชื้อที่สร้างไว้ในบ้าน ขึ้นรถฉุกเฉิน 1669 เทศบาลตำบลเวียงยอง ออกจากบ้านที่อยู่ห่างแค่ 2 กม. มายังหน่วยคัดเลือกทหารเพราะลูกชายอายุถึงเกณฑ์แล้วน.ส.ดวงกมลกล่าวต่อว่า ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว พยายามเดินเรื่องแจ้งให้สัสดีอำเภอเมืองลำพูนตามภูมิลำเนาทหารของลูกชายทราบว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุเป็นผู้ป่วยติดเตียง พร้อมทั้งนำคลิปอาการป่วยของลูกชาย ใบรับรองแพทย์ บัตรผู้พิการ รวมถึงจะให้ผู้นำชุมชนมาเป็นพยานยืนยันให้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับฟัง เมื่อวานนี้สัสดีได้ประสานมาทางผู้นำชุมชนบอกว่าให้นำลูกชายไปที่หน่วยตัดเลือกเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจร่างกายในปีต่อไปจะได้ไม่ต้องมาขอผ่อนผันอีก พยายามถามว่ามีหนทางอื่นหรือไม่ เพราะการนำลูกชายออกจากห้องปลอดเชื้อ เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากลูกชายร่างกายอ่อนแอ ประกอบกับการนำผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในสภาพไม่รับรู้อะไร เดินทางไปที่หน่วยคัดเลือกลำบากมาก ต้องใช้เครื่องออกซิเจนช่วยตลอดเวลา ต้องประสานขอรถ 1669 มารับ ไม่อยากให้ครอบครัวคนอื่นเป็นแบบนี้ เพราะการนำผู้ป่วยลักษณะนี้ออกนอกสถานที่เสี่ยงมาก หากติดเชื้อหรือเกิดอะไรขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ“ดิฉันเข้าใจระเบียบที่เจ้าหน้าที่ทหารอธิบาย แต่อยากถามว่ามันไม่มีทางออก หรือหนทางอื่นอีกหรืออย่างไร อยากให้เจ้าหน้าที่ใช้วิจารณญาณ รวมทั้งปรับเปลี่ยนกฎระเบียบเอื้อต่อผู้ป่วยที่อยู่ในสภาพเดียวกับลูกชาย คงไม่มีใครแกล้งเป็นผู้ป่วยติดเตียงเพื่อเลี่ยงการเป็นทหารเกณฑ์ รวมทั้งขอวิงวอนคู่กรณีมาแบ่งเบาภาระบ้าง ปัจจุบันหมดเงินค่ารักษาไปกว่า 3 ล้านบาท คู่กรณีไม่เคยมาช่วยเหลือดูแล จ่ายเบื้องต้นมาแค่ 4 หมื่นบาทเศษ ยังดีที่ประกันภัยจ่ายให้มาจำนวนหนึ่ง แต่ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายและค่ารักษาพยาบาล หลังเกิดเหตุคู่กรณีไม่เคยมาเยี่ยม และยังโยกโย้เรื่องการจ่ายเงินเยียวยาอีก อยากให้คู่กรณีมีจิตสำนึกในความเป็นมนุษย์บ้าง ลูกชายต้องหมดอนาคตเพราะความประมาทของคนเมาขับรถ ตอนนี้แบกรับภาระเพียงคนเดียว เพราะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หากมีผู้ใจบุญช่วยเรื่องผ้าอ้อมหรือข้าวของจำเป็นสำหรับผู้ป่วย ก็ยินดีรับ ยืนยันจะดูแลลูกชายให้ดีที่สุด” น.ส.ดวงกมลกล่าวพ.ท.ปรีชา กาบเอื้อง สัสดีอำเภอเมืองลำพูน ชี้แจงว่า เรื่องนี้เป็นไปตามระเบียบของการคัดเลือกตามกฎหมายกำหนดได้อธิบายให้แม่ของผู้ป่วยทราบแล้ว เพราะแม่ต้องการทำเรื่องนี้ให้เรียบร้อยภายในปีนี้ ปีต่อไปไม่ต้องมาอีก ไม่เช่นนั้นผู้ปกครองต้องมาทำเรื่องผัดผ่อนอีกเป็นเวลา 3 ปี แต่หากนำตัวมารับการวินิจฉัยจากคณะกรรมการว่าเป็นผู้ป่วยอยู่ในประเภทไหนภาระกฎหมายทางทหารของผู้ป่วยจะถูกวินิจฉัยจากกรรมการในปีต่อไปเหมือนผู้ป่วยรายอื่นๆเนื่องจากระเบียบคัดเลือกทหาร ไม่อนุญาตให้คณะกรรมการออกนอกพื้นที่ แม้สังคมจะมองว่าเป็นภาพที่ไม่สวยงามเท่าไหร่ แต่กฎหมายทหารเป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่มีข้อละเว้น