ศ.วิชา มหาคุณ ให้ข้อคิดอีกว่า สังคมอาจมองว่า ต้องแก้แค้น ต้องใช้ความรุนแรงตอบโต้ให้สาสม!แต่ศาลจะไม่ใช้ความรุนแรงกับเด็ก เพราะเราเข้าใจต้นตอปัญหา?จะใช้ความรู้ ใช้วิชาการ ใช้ความคลุกคลีกับเด็กด้วยการให้โอกาสกลับตัว ให้เรียนหนังสือ ฝึกวิชาชีพ เพื่อให้เด็กกลับตัวเป็นคนดีคืนสังคม แนวคิดนี้มีในทุกประเทศลองคิดดู ถ้าศาลตัดสินส่งเด็กอายุ 14 ปีเข้าเรือนจำ โอกาสที่เด็กจะกลับตัวแก้ไขไม่มีเลย เขาจะต้องไปพบอะไรในเรือนจำ?!สังคมต้องช่วยสอดส่องดูแล พ่อแม่บางรายปล่อยลูกเล่นเกมในมือถือที่รุนแรงฆ่ากัน เด็กก็อยากทำตาม หรือพ่อเตะแม่ทุกวัน เด็กก็ไม่เคารพแม่ ผู้หญิงกลายเป็นเหยื่อ บางคนไปข่มขืนเด็ก พอเป็นพ่อคนก็ข่มขืนลูกตัวเองสภาพสังคมหลังโควิดแย่ลง เพราะสังคมติดต่อกันทางสื่อโซเชียล ชุมชนคนข้างบ้านไม่พูดกัน ไม่มีปฏิสัมพันธ์ เด็กเรียนออนไลน์ไม่เจอครู ครูจะสอนจริยธรรมตักเตือนก็ไม่มีโอกาส เกิดกิริยาไม่แคร์ใครเด็กเชื่อสื่อโซเชียลมากกว่าพ่อแม่ปูย่าตายาย ความรักความเกลียดชังไม่ได้เกิดจากจิตใจ แต่เกิดจากอุปทานหมู่ที่ได้จากสื่อโซเชียล เมื่อเชื่อสื่อโซเชียลประกอบพฤติกรรมอื่น เช่น ติดการพนันออนไลน์ เห็นรวยจากหวยมีรถซุปเปอร์คาร์ขับ มีกระเป๋าแพงในครอบครัวก็คุยหารือกับใครไม่ได้เลยคบเพื่อน นับถือเงินเป็นใหญ่ จากนั้นชวนเพื่อนไปกระทืบเขา ไปปล้นเขา ไปเข้าสู่โลกไซเบอร์ อยากมีอยากรวยไปเปิดบัญชีม้า ค้าของผิดกฎหมาย การพนันออนไลน์ดังนั้น สังคมต้องกลับมาพบหน้ากัน หารือกัน กล้าเผชิญปัญหาสู้ไปด้วยกัน อย่ายึดเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัวทั้งหมดนี้ยังพอแก้ไขได้ ต้องกลับไปเข้าสู่ระบบการศึกษาแบบเดิมคือ แทรกศีลธรรม จริยธรรม มีทฤษฎีนำไปปฏิบัติแล้วประเมินผล พบปัญหาก็แก้ไข ใช้หลักปริยัติธรรม ปฏิบัติ ปฏิเวธเด็กๆบางประเทศ เขามีความคิดอยากทำธุรกิจของตนเองในทางสุจริตกันแล้ว...สหบาท