วันนี้พี่น้องชาวสวนยางประเทศไทย ไม่เพียงเจอปัญหาราคายางพาราตกต่ำ จนรัฐบาลต้องเข็นเงินโครงการประกันรายได้ออกมาพยุงฐานะให้เกษตรกร แล้วไหนประเทศผู้นำเข้ายางพารารายใหญ่ อย่าง ยุโรป สหรัฐอเมริกา ได้ออกข้อกำหนดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยางพารานำเข้า ต้องได้มาจากสวนยางที่ถูกกฎหมาย มีเอกสารสิทธิ์ และต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาได้แค่นั้นไม่พอ ยังมีปัญหาเก่าๆที่ยังแก้ไม่ได้ นั่นคือ น้ำยางพาราที่กรีดได้ นับวันยิ่งต่ำเตี้ย แพ้ประเทศอื่นไม่สมศักดิ์ศรีผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลกหลายคนอาจจะนึกเถียง...เป็นไปได้ยังไงที่ผลผลิตยางพาราของบ้านเราถึงได้ต่ำเตี้ย ในเมื่อเป็นถึงแชมป์ผู้ผลิตยางพาราของโลก นั่นต้องบอกว่าเป็นเพียงภาพลวงตาที่ทำให้เราหลงตัวเอง เพราะในความเป็นจริงแล้ว...ประเทศที่ได้ชื่อว่า เป็นแชมป์กลับมีผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และยังสู้กับประเทศผู้ผลิตรายอื่นอีกหลายประเทศไม่ได้ที่สำคัญนับวันผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ยังย่ำแย่กว่าในอดีต ทั้งที่เรามีหน่วยงานรับผิดชอบเฉพาะ มีงบประมาณ มีการทำวิจัยพัฒนาพันธุ์ยางมาอย่างต่อเนื่องเห็นได้จากสถิติของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ปี 2554 ประเทศไทยมีเนื้อที่กรีดยางได้ 12.766 ล้านไร่ ได้ผลผลิต 3.349 ล้านตัน...เฉลี่ยไร่ละ 262 กก.ถึงจะเป็นแชมป์ได้ผลผลิตรวมมากที่สุดในโลก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่ผลิตได้มาก 10 อันดับแรกของโลก ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ของเราอยู่ที่อันดับ 4 เป็นรอง อินเดีย, เวียดนาม และโกตดิวัวร์ (ไอเวอรีโคสต์) ที่ได้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 294, 275 และ 274 กก. ตามลำดับเวลาผ่านมาถึงปี 2563 ประเทศไทยมีต้นยางพาราให้กรีดได้เพิ่มขึ้นมาได้ 81.376 ล้านไร่ ได้ผลผลิตรวม 4.86 ล้านตัน...เฉลี่ยไร่ละ 221 กก. มีพื้นที่กรีดยางมากขึ้น 6 เท่าตัว ได้ผลผลิตรวมเพิ่มขึ้นแค่ 1.45 เท่า...ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่น้อยกว่า 10 ปีก่อน 41 กก.ในขณะที่ประเทศผู้ผลิตยางพารา 10 อันดับแรกของโลก ผลผลิตเฉลี่ยต่อไรของเราหล่นไปอยู่ที่อันดับ 6 เป็นรอง กัวเตมาลา, อินเดีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม และโกตดิวัวร์ทำไมแชมป์โลกผู้ผลิต ถึงมีผลผลิตถดถอย เป็นเพราะอะไร???“สาเหตุที่ทำให้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ของเราถดถอย กรีดยางได้น้อยกว่าในอดีต นอกจากจะเป็นเพราะราคายางพาราที่เกษตรกรขายได้ผันผวน ไม่จูงใจให้เกษตรกรดูแลใส่ปุ๋ยบำรุงต้นยาง อีกสาเหตุที่น่าจะเป็นปัจจัยหลัก นั่นคือการใช้ระบบรับจ้างกรีดยาง ที่มีการแบ่งรายได้ 50: 50 ระหว่างเจ้าของสวนยาง กับคนรับจ้างกรีดยาง”ครูสะเอ็ม บุญเสนา กูรูคนปลูกยางพารา อ.โคกศรีสุพรรณ์ จ.สกลนคร ที่สามารถแก้ปัญหาหน้ายางตายให้กลับมามีชีวิต กรีดวันเว้นวันได้เฉลี่ยต้นละ 1.2 กก. จนเจ้าของสวนยางพาราจากทุกสารทิศต้องมาเรียนรู้ดูงาน ให้มุมมองในฐานะผู้มากประสบ การณ์จากข้อมูลพี่น้องชาวสวนยางทั่วประเทศ เนื่องจากระบบรับจ้างกรีด ทำให้ต้นยางพาราโทรมเกินกว่าที่ควรจะเป็น ถ้ากรีดกันแบบวันเว้นวันและมีการบำรุงดูแลที่ดี ต้นยางจะมีอายุยืนให้กรีดได้นานถึง 50–60 ปี“แต่ระบบกรีดยางแบ่งคนละครึ่ง คนกรีดมักจะห่วงแต่รายได้ตัวเองเป็นหลัก อยากจะได้เงินทุกวัน นอกจากจะกรีดยางทุกวัน ไม่มีวันหยุดพัก ทำให้ต้นยางไม่พักฟื้นตัวเอง จนไม่มีน้ำยางจะให้กรีด บางสวนถึงขนาดต้องคว่ำจอก แต่กระนั้นคนรับจ้างกรีดยางยังดันทุรังกรีดให้ได้ ไปเอาน้ำยาเร่งน้ำยางมาใช้ ต้นยางเลยโทรมไปกันใหญ่ นอกจากจะทำให้ได้น้ำยางน้อยลงยังทำให้ต้นยางมีอายุกรีดได้แค่ 20 ปีต้องโค่นทิ้ง บางสวนขนาดโค่นตัดต้นไปแล้ว ยังไม่มีน้ำยางออกมาจากรอยตัดเลย คิดดูว่าระบบนี้มันทำให้ต้นยางเสียหายไปเท่าไร มันเลยส่งผลให้ภาพโดยรวมของผลผลิตยางพาราของบ้านเรา ดูน้อยกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น ที่การยางแห่งประเทศไทยตั้งเป้าสวนยางควรจะให้ผลผลิตไร่ละ 336 กก.ต่อปี”.ชาติชาย ศิริพัฒน์