เมื่อวันที่ 14 มี.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนที่เกี่ยวกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ครม.ได้ให้ความเห็นชอบมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ.2566-2570) ตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เสนอ โดยมีสาระสำคัญดังนี้ ในส่วนของตำแหน่งซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้สอนในโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 120 คนขึ้นไป และไม่อยู่ในแผนการถ่ายโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้ขยายเงื่อนไขให้ครอบคลุมตำแหน่งซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้สอนในกลุ่มสถานศึกษาที่มีการจัดการเรียนการสอนแบบรวมสถานศึกษา ที่มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 120 คนขึ้นไปในพื้นที่ปกติและไม่อยู่ในแผนการถ่ายโอนให้แก่ อปท.ด้วยนอกจากนี้ยังมีการเพิ่มมาตรการในการจัดสรรอัตรากำลังตามเงื่อนไข เฉพาะกรณี โดยให้ ก.ค.ศ.พิจารณานำตำแหน่งที่มีอัตรากำลังครูผู้สอนเกินเกณฑ์อัตรากำลังของ ก.ค.ศ. มากำหนดเป็นตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาให้กับโรงเรียนที่มีนักเรียน 61-119 คน ที่จำเป็นต้องมีผู้บริหารสถานศึกษาในระหว่างดำเนินการตามแผนควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก และปรับวิธีการจัดสรรตามเงื่อนไขเฉพาะกรณีสำหรับตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค. (2.) เฉพาะตำแหน่งที่ ก.ค.ศ.กำหนดเป็นตำแหน่งประเภทวิชาการและตำแหน่งประเภททั่วไป โดยกำหนดแนวทางการจัดสรรเช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือนสามัญ“การเพิ่มมาตรการในการจัดสรรอัตรากำลังตามเงื่อนไขเฉพาะกรณี ตามมติ ครม.นี้จะทำให้ ศธ.สามารถบริหารงานของสถานศึกษาในการขับเคลื่อนภารกิจการปฏิรูปการศึกษาและนโยบายสำคัญของรัฐบาลด้านการศึกษาได้ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาให้แก่โรงเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนต่ำกว่า 120 คน ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนที่มีนักเรียน 61-119 คน จำนวน 7,969 โรงเรียน ในจำนวนนี้ไม่มีผู้อำนวยการอยู่ 1,760 โรงเรียน ดิฉันจึงได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ร่วมกันจัดทำรายละเอียดการดำเนินการตามมติ ครม.โดยเร็วที่สุดขณะเดียวกัน ศธ.จะนำมติ ครม.นี้มาปฏิบัติเพื่อให้การกำกับดูแล การควบคุมขนาดกำลังคนและภาระค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายของ คปร.และนโยบายของรัฐบาล” รมว.ศึกษาธิการกล่าว.