จับแล้วผัวอำมหิตราดน้ำมันจุดไฟเผากระหน่ำแทงเมียตายเปลือยคาร่องน้ำในนิคมอุตสาหกรรมบางปู หลังขับรถกระบะไปหลบใต้สะพานบางปะกง ชุดสืบสวนตามตะครุบตัวพร้อมมีดของกลาง สารภาพจับได้เมียคุยกับชายอื่นจนมีปากเสียงกัน โมโหเอาน้ำมันราด ขู่เผาตัวตายคู่ กระทั่งเคลียร์กันได้ จังหวะรอเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถ ผู้ตายเปิดประตูวิ่งไปขอความช่วยเหลือชาวบ้าน ตามไปใช้น้ำมันสาดเผาทั้งเป็น ก่อนใช้มีดจ้วงแทงซ้ำดับคาที่ อ้างคิดจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย แต่ถูกจับได้เสียก่อน ญาติวอนลงโทษประหารจากคดีฆาตกรรมโหด นางณัฐนันท์ จูมฟอง อายุ 45 ปี ถูกนายพิสุทธิ์ศิริ จันทร์โสดา อายุ 42 ปี สามีอำมหิตราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผาก่อนกระหน่ำแทงซ้ำต่อหน้าพลเมืองดีเสียชีวิตในสภาพเปลือยภายในร่องน้ำหน้าบ่อบำบัดน้ำเสียบริษัท โกลบอล เอ็มไวรอนเมนทอล เทคโนโลยี จำกัด ซอย 9A ภายในนิคมอุตสาหกรรมบางปู 9 ต.บางปู อ.เมืองสมุทรปราการ เหตุเกิดช่วงบ่ายวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุคนร้ายขับรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีขาว ทะเบียน 2 ฒฎ 5783 กรุงเทพมหานคร หลบหนีไปล่าสุดตำรวจตามลากคอผัวคลั่งได้แล้ว โดยเมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 7 มี.ค. พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทร สุวรรณ ผกก. สภ.บางปู ประสานชุดสืบสวน ภ.จ.สมุทรปราการ ร่วมกับสืบสวนโรงพักออกติดตามจับกุมนายพิสุทธิ์ศิริ จันทร์โสดา ตามบ้านญาติ จ.ขอนแก่น และเพื่อนฝูงที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนีไปหลบซ่อนตัว ขณะที่พนักงานสอบสวนยื่นหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายจับ ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา กระทั่งชุดสืบสวนรับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้านว่าพบรถกระบะต้องสงสัยคันดังกล่าวจอดอยู่ใต้สะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง ถนนเทพรัตน ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา นำกำลังไปติดตามจับกุมนายพิสุทธิ์ศิริไว้ได้ พร้อมมีดของกลางยาว 40 ซม. ที่ใช้ก่อเหตุ คุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.บางปูต่อมา พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก. ภ.จ.สมุทรปราการ เดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหา เปิดเผยว่า นายพิสุทธิ์ศิริ ผู้ต้องหารับสารภาพว่าอยู่กินกับนางณัฐนันท์ ผู้ตายมาหลายปี ระหว่างอยู่ด้วยกันพบข้อความในโทรศัพท์มือถือของผู้ตายที่แอบคุยกับชายอื่น ทำให้โมโหมีปากเสียงกัน ล่าสุดเมื่อ 4-5 วันก่อน ผู้ตายไปพักอยู่กับเพื่อน และช่วงสายวันเกิดเหตุตรงกับวันมาฆบูชา ผู้ต้องหานัดผู้ตายให้มาหาและชวนกันไปทำบุญที่วัดคลองเก้า หลังทำบุญเสร็จไปนั่งคุยกันต่อบริเวณทางเข้าสนามกอล์ฟใกล้กับที่เกิดเหตุ ขณะนั้นพบข้อความที่ผู้ตายแอบไปคุยกับชายอื่นอีก ทำให้มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ระหว่างทะเลาะกันผู้ต้องหาใช้น้ำมันเบนซินเทราดใส่ผู้ตายและตัวเองขู่ว่าจะเผาให้ตายไปด้วยกันทั้งคู่ ทำให้ผู้ตายมีท่าทีอ่อนลงจนผู้ต้องหาเปลี่ยนใจก่อนขับรถไปจอดบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เลอะคราบน้ำมัน จังหวะผู้ต้องหาแวะซื้อไอติม ผู้ตายฉวยจังหวะเผลอวิ่งลงจากรถไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในสภาพเปลือยกาย ทำให้ผู้ต้องหาโมโหสติแตกไปเอาน้ำมันเบนซินในรถกลับมาสาดใส่ผู้ตายขณะหลบอยู่ด้านหลังนายประภาส กาภูคำ อายุ58ปี พลเมืองดี ก่อนนำไฟแช็กจุดไฟเผานางณัฐนันท์ทั้งเป็น เป็นเหตุให้นายประภาสถูกไฟลวกบาดเจ็บไปด้วยขณะเกิดเหตุนางณัฐนันท์ ผู้ตายวิ่งหนีลงไปในร่องน้ำ ผู้ต้องหาไม่ยอมลดละวิ่งกลับไปหยิบมีดในรถไล่ตามไปจ้วงแทงเมียจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีไปในพื้นที่ อ.บางปะกง ผู้ต้องหาอ้างว่าจะไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตายตามเมีย แต่ถูกตำรวจตามจับกุมได้เสียก่อน นายพิสุทธิ์ศิริอ้างอีกว่าไม่ได้เตรียมการก่อเหตุมาก่อน ส่วนน้ำมันเบนซินก็ตั้งใจซื้อไปเติมรถ จยย. แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พาอาวุธมีดไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนข้อหาอื่นๆอยู่ระหว่างสอบสวนเพิ่มเติม โดยวันที่ 8 มี.ค. ตำรวจจะคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวนายพิสุทธิ์ศิริได้ ญาติผู้ตายได้มาดูโฉมหน้าผู้ต้องหาที่ สภ.บางปู ขณะที่ผู้ต้องหาถึงกับมีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกล่าวขอโทษอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ ตำรวจต้องรีบพาเข้าห้องสอบสวน ส่วนศพนางณัฐนันท์ ญาติจะนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด อ.หนองแสง จ.อุดรธานี อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัตินายพิสุทธิ์ศิริ พบว่าเคยก่อเหตุใช้มีดจะทำร้ายตัวเองที่บ้านแฟนเก่าใน อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2557 อีกทั้งเคยถูกดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง บุกรุก เมื่อปี 54 ด้วยส่วนบรรยากาศที่บ้านผู้ตายเลขที่ 109 หมู่ 1 ต.หนองแสง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี ช่วงเช้าวันเดียวกัน ญาติพี่น้องและชาวบ้านช่วยกันจัดเตรียมงานศพ มีนางจิตร จูมฟอง อายุ 77 ปี และนางสมคิด บุตตชา อายุ 50 ปี แม่และพี่สาวผู้ตายร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้า นางสมคิดเปิดเผยว่า น้องสาวคบหากับนายพิสุทธิ์ศิริมา 5 ปี แต่พามาที่บ้านเมื่อ 2 ปีก่อน ครอบครัวไม่เห็นด้วย เพราะนายพิสุทธิ์ศิริชอบเล่นการพนันขี้หึงและทะเลาะทำร้ายผู้ตายบ่อย ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องเงิน เนื่องจากต่างฝ่ายต่างเคยมีครอบครัวและมีลูกติดที่ต้องส่งเสียเลี้ยงดู ล่าสุดทั้งคู่ทะเลาะกันหนักถึงขั้นน้องสาวขอเลิกย้ายไปอยู่กับเพื่อนได้ 10 กว่าวันแล้ว ไม่คิดว่านายพิสุทธิ์ศิริจะหวนไปก่อเหตุดังกล่าว อยากถามว่า ทำแบบนี้ทำไม อยากฝากให้ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด และรับโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต