หนุ่มกระทุ่มแบนขับเบนซ์จอดรถบนทางด่วนคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนีก่อนดิ่งร่างลงมาดับสยอง ญาติไม่ติดใจหลังตำรวจประสานดูวงจรปิดพบขับมาคนเดียว ก่อนจอดรถจุดเกิดเหตุลงมาเดินวนรอบรถท่าทางเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างเกือบ 2 นาทีถึงตัดสินใจ ส่วนสาเหตุจูงใจ ผกก.สน.ธรรมศาลา ระบุรอสอบปากคำพ่อแม่และญาติอย่างละเอียดหลังเสร็จงานศพหนุ่มกระทุ่มแบนจอดเบนซ์บนคู่ขนานลอยฟ้าก่อนทิ้งร่างลงมาดับสยอง เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 02.15 น. วันที่ 11 พ.ย. พ.ต.ท.ศิริชัย โสมอินทร์ สว.(สอบสวน) สน.ธรรมศาลา รับแจ้งเหตุชายจอดรถบนถนนคู่ขนานลอยฟ้าขาเข้าแล้วกระโดดลงมาเสียชีวิตบนถนนบรมราชชนนี ก่อนถึงกองบังคับการตำรวจนครบาล 7 (บก.น.7) แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.กฤติเดช จันทร์เพชร ผกก.สน.ธรรมศาลา แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูที่เกิดเหตุอยู่บนถนนบรมราชชนนีขาเข้า เลนด่วนช่องซ้ายสุดพบศพนายสิทธิพงษ์ แก้วเขียวบริสุทธิ์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/1 ม.4 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร สภาพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีเทา ขาทั้งสองข้างหัก สะโพกหัก มีรองเท้าผ้าใบสีดำ 1 คู่ตกอยู่ใกล้กัน ตรวจสอบด้านบนคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี ขาเข้า พบรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นอี-คลาส w212 สีดำ ทะเบียน กข 7555 สมุทรสาคร จอดชิดริมซ้ายสุด ไม่พบมีใครอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่ประสานรถยกไปเก็บรักษาไว้ที่โรงพักหลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.ศิริชัย โสมอินทร์ สว. (สอบสวน) สน.ธรรมศาลา เจ้าของคดีได้ประสานให้พ่อแม่ผู้ตายเข้าพบเพื่อพูดคุยรายละเอียดในเบื้องต้น พร้อมให้ดูภาพกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุบนถนนคู่ขนานลอยฟ้าพบว่าก่อนเกิดเหตุ นายสิทธิพงษ์ ขับรถเบนซ์ รุ่นอีคลาส w212 สีดำ ทะเบียน กข 7555 สมุทรสาคร ไปจอดชิดริมถนนด้านซ้ายเพียงลำพัง เปิดไฟผ่าหมากลงมาเดินวนรอบๆรถคล้ายครุ่นคิดอะไรบางอย่างประมาณ 2 นาที ก่อนกระโดดลงจากถนนคู่ขนานลอยฟ้าร่างกระแทกพื้นด้านล่างเสียชีวิต กุญแจรถตกอยู่ข้างศพ ญาติไม่ติดใจเรื่องการตาย แต่มูลเหตุที่ทำให้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ทางพ่อแม่และญาติๆยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดหรือชี้ชัดไปที่ประเด็นใด ต้องรอผลสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังเสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจศพขณะที่ พ.ต.อ.กฤติเดช จันทร์เพชร ผกก.สน.ธรรมศาลา กล่าวว่า ได้เรียกญาติผู้เสียชีวิตเข้ามาสอบปากคำแล้ว เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายยังไม่มีครอบครัว พักอยู่กับพ่อและแม่ ช่วยงานธุรกิจส่วนตัวของครอบครัว ส่วนมูลเหตุยังไม่มีใครทราบแน่ชัด เนื่องจากผู้ตายไม่เคยปรึกษาปัญหากับใคร ทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นพิธีศพแล้ว พนักงานสอบสวนจะต้องเรียกพ่อกับแม่ และบรรดาคนใกล้ชิดมาให้ปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อซักถามประวัติผู้ตายเกี่ยวกับแรงจูงใจการก่อเหตุ รวมถึงเรื่องที่ผู้ตายเคยมีประวัติรักษาอาการป่วยเกี่ยวกับโรคใดๆบ้างหรือไม่