หัวหน้างานพัสดุและอาคารสถานที่ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี ถูกพิษหนี้นอกระบบรุมเร้าจนเครียด ตัดสินใจบุกเดี่ยวจี้ร้านทองกลางห้างดังย่านรังสิต สวมหมวกแก๊ป หน้ากากอนามัยอำพราง ปืนขู่คว้ามือพนักงานชาย บีบให้พนักงานในร้านส่งสร้อยคอทองคำให้ 2 ครั้ง รวม 6 เส้น น้ำหนัก 15 บาทแล้ววิ่งไปขี่รถ จยย.หลบหนี แต่ตำรวจแกะรอยจากกล้องวงจรปิดจนรู้ตัว คนร้ายเลยชิงเข้ามอบตัวพร้อมสร้อยทอง ชุดที่สวมใส่ และรถ จยย.พาหนะที่ใช้ก่อเหตุ แต่ยังไม่พบปืน ขณะที่กรมราชทัณฑ์สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงโจรควงปืนจี้ชิงทอง 15 บาทกลางห้างย่านรังสิตรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 30 มิ.ย. พ.ต.ท.ภูมิเรศ อินทร์คง สว. (สอบสวน) สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกชิงทองที่ห้างทองเยาวราช กรุงเทพ สาขาโลตัสคลอง 7 ในห้างโลตัส รังสิต คลอง 7 ถนนรังสิต-นครนายก หมู่ 2 ต.ลำผักกูด พร้อมด้วย พ.ต.อ.พีรพล โชติกเสถียร รอง ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี รักษาการ ผกก.สภ.ธัญบุรี พ.ต.ท.ธนกฤต อินภู่ รอง ผกก.ป. ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 นำกำลังรุดไปสอบสวนห้างดังกล่าวเป็นอาคารชั้นเดียว จุดเกิดเหตุอยู่ช่วงกลางของห้าง พบนายวัชรพงษ์ เนตรนิล อายุ 32 ปี พนักงานร้านทอง กับพนักงานหญิงอีก 4 คน รออยู่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก นายวัชรพงษ์ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนยืนรอบริการลูกค้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์โชว์ทอง ส่วนเพื่อนพนักงานหญิงที่เหลืออยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ ช่วงนั้นยังไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ คนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 40-50 ปี สวมเสื้อโปโลสีเหลือง กางเกงขายาวสีดำ หมวกแก๊ปสีดำ และสวมหน้ากากอนามัยสีขาว เดินเข้ามาแล้วชักปืนแบบแมกกาซีนออกมาขู่ พร้อมคว้าข้อมือตนไว้ สั่งว่าอยู่เฉยๆ แล้วใช้ปืนทุบที่เคาน์เตอร์บังคับให้พนักงานหญิงหยิบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทในตู้โชว์ติดผนังส่งให้ 3 เส้นหนุ่มพนักงานร้านทอง กล่าวต่อว่า หลังรับสร้อยทองไปแล้วคนร้ายทำท่าจะเดินออกจากแล้ว แต่หันกลับมาสั่งให้พนักงานหญิงคนเดิมหยิบสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท ส่งให้อีก 3 เส้น จากนั้นคนร้ายลากตนออกไปจากร้านเหมือนเป็นตัวประกัน แต่เดินออกไปถึงร้านขายโทรศัพท์มือถือ อยู่ห่างไป 2 ร้านก็ปล่อยตน บอกว่ามึงวิ่งกลับไป ส่วนคนร้ายวิ่งออกไปหน้าประตูออกห้างตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดของห้างและพื้นที่ใกล้เคียงพบว่าคนร้ายใช้เวลาลงมือแค่ 30 วินาที ได้สร้อยคอทองคำไป 6 เส้น น้ำหนักรวม 15 บาท มูลค่า 456,000 บาท จากนั้นคนร้ายวิ่งออกจากห้างไปขี่รถ จยย.ฮอนด้าเวฟ 125 ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน จอดอยู่ในลานจอดรถ จยย.หน้าห้าง ออกถนนรังสิต-นครนายก มุ่งหน้าไปทางนครนายก แจ้งวิทยุสกัดจับแต่ไม่พบวี่แววต่อมาเวลา 17.00 น. นายอภิชัย เวชชากุล อายุ 58 ปี เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ชำนาญการ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษปทุมธานี ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานพัสดุและอาคารสถานที่ อยู่บ้านเลขที่ 49/197 หมู่ 2 ต.บึงสนั่น อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เข้าพบ พ.ต.อ.พีรพล โชติกเสถียร รอง ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี รรท.ผกก.สภ.ธัญบุรี แจ้งว่าเป็นคนร้ายจี้ห้างทองเยาวราช กรุงเทพ สาขาโลตัสคลอง 7 พร้อมของกลาง รถ จยย.ฮอนด้าเวฟ 125 สีดำ ทะเบียน 5 กฮ 4195 กรุงเทพมหานคร หมวกกันน็อกสีดำ และชุดที่สวมใส่ขณะลงมือก่อเหตุ และสร้อยคอทองคำจำนวนหนึ่ง ส่วนปืนอยู่ระหว่างติดตามยึดมาเป็นของกลางตำรวจคาดว่าสาเหตุที่ผู้ต้องหาชิงมอบตัว น่าจะมาจากรู้ว่าตำรวจแกะรอยจนได้หลักฐานมัดตัว โดยตำรวจไล่กล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายหลบหนีจนถึงหน้าโรงเรียนจุฑารัตน์ กล้องวงจรปิดบันทึกภาพป้ายทะเบียนรถคนร้ายได้ และคนร้ายเปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อแขนยาวสีแดง จากตรวจสอบทราบว่าผู้ครอบครองรถคันดังกล่าว คือนายอภิชัย เวชชากุล ขี่หลบหนีไปตามถนนเลียบคลอง 9 มุ่งหน้าถนนรังสิต-นครนายกต่อมานายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกรณีเจ้าหน้าที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี ใช้ปืนจี้ชิงทองในห้างย่านคลอง 7 ได้ทองไป 15 บาท มูลค่า 450,000 บาท ว่า จากการรายงานของทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี ผู้ก่อเหตุคือนายอภิชัยเป็นเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานพัสดุและอาคารสถานที่ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี วันนี้ผู้ก่อเหตุขออนุญาตลากิจไปทำธุระ ส่วนตัว แล้วนายอภิชัยใช้อาวุธเข้าปล้นชิงทองที่ร้านทองในห้างฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง และนายอภิชัยได้ติดต่อกลับมาหาผู้บังคับบัญชา ขอเข้ามอบตัว จากการสอบถามคาดว่าสาเหตุที่กระทำดังกล่าว เกิดจากนายอภิชัย มีหนี้นอกระบบจำนวนมากเกิดความเครียดก่อเหตุขึ้น ขณะนี้กรมได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง และให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว