เดือนเมษายนอากาศร้อน มีฝนตกและลมแรงในบางพื้นที่ กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรปลูกพืชผักตระกูลกะหล่ำและผักกาด เช่น คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี กวางตุ้ง ผักกาดขาว ผักกาดหอม ให้เฝ้าระวังการเข้าทำลายของ ด้วงหมัดผัก และ หนอนกระทู้ผักโดยตัวอ่อนด้วงหมัดผักจะกัดกิน หรือชอนไชเข้าไปกินอยู่บริเวณโคนต้น หรือราก ทำให้พืชผักเหี่ยวเฉา และไม่เจริญเติบโต ถ้ารากถูกทำลายมากอาจจะทำให้พืชผักตายได้ ส่วนตัวเต็มวัยจะชอบกัดผิวด้านล่างของใบทำให้ใบเป็นรูพรุน และอาจกัดกินผิวลำต้น และกลีบดอกด้วยวิธีป้องกัน นายศรุต สุทธิอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช แนะนำให้ใช้วิธีเขตกรรม ก่อนปลูกให้ไถตากดินไว้เป็นเวลานานพอสมควร เพื่อทำลายตัวอ่อน และดักแด้ที่อาศัยอยู่ในดิน แล้วใช้ไส้เดือนฝอย Steinernema carpocapsae อัตรา 50 ล้านตัวต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นหรือราดลงดินก่อนปลูกหลังการให้น้ำ และพ่นทุก 7 วันหลังปลูกหากพบการระบาด จำเป็นต้องใช้สารฆ่าแมลง ให้ใช้ ฟิโพรนิล 5% SC หรือ ไดโนทีฟูแรน 10% WP หรือ โทลเฟนไพแรด 16% EC หรือ โพรฟีโนฟอส 50% EC หรือ อะซีทามิพริด 20% SP หรือ คาร์บาริล 85% WPส่วน หนอนกระทู้ผัก การเข้าทำลายมักเกิดเป็นหย่อมๆ ตามจุดที่ผีเสื้อกลางคืนตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่ การป้องกันกำจัด ผอ.ศรุต แนะนำให้ใช้ ก่อนปลูกให้ไถตากดิน และการเก็บเศษซากพืชอาหาร เพื่อกำจัดดักแด้และลดแหล่งอาหารในการขยายพันธุ์ของหนอนกระทู้ผัก พร้อมทั้งใช้วิธีกลโดยเก็บกลุ่มไข่และหนอนทำลายซึ่งจะช่วยลดการระบาดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยเมื่อพบการระบาดให้ใช้เชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ทูริงเยนซิส Bacillus thuringiensis (Bt) ฉีดพ่นทุก 3-5 วัน หากมีการระบาดรุนแรงให้พ่นติดต่อกัน 2 ครั้ง หลังจากนั้นพ่นทุก 5 วัน จนกระทั่งหนอนลดปริมาณการระบาด ใช้ชีวภัณฑ์ เอ็นพีวีหนอนกระทู้ผัก พ่นทุก 7-10 วัน และควรพ่นเมื่อหนอนมีขนาดเล็กจะให้ผลในการควบคุมได้รวดเร็ว กรณีหนอนระบาดรุนแรงให้พ่นติดต่อกัน 2 ครั้ง ทุก 4 วันหากมีความจำเป็นต้องใช้สารเคมี ให้ใช้ คลอร์ฟีนาเพอร์ 10% SC หรือ อินดอกซาคาร์บ 15% EC หรือ อีมาเมกตินเบนโซเอต 1.92% EC หรือ ฟลูเบนไดอะไมด์ 20% WG หรือ คลอแรนทรานิลิโพรล 5.17% SC...ให้พ่นเฉพาะพบการระบาดเท่านั้น.สะ-เล-เต