ตามล่ากระชั้น แก๊งโจรปล้นร้านทองเผ่นหนีข้ามไปฝั่งพม่า รอง ผบ.ตร.-ผบช.ภ.6 ลงพื้นที่ระดมกำลังตำรวจเร่งควานหาพยานหลักฐานพร้อมประสานทางการพม่าช่วยล่าตัว หลังพบรถกระบะที่ขับไปก่อเหตุถูกเอาไปจอดทิ้งไว้กับรถกระบะอีกคันที่มีพรรคพวกขับมารับพาไปส่งริมลำห้วยตะเข็บชายแดน เจอทั้งเสื้อผ้า รองเท้าบูต กระเป๋า หมวกกันน็อกและค้อนของคนร้ายทิ้งในลำห้วย เรียกสอบลูกชายอดีตตำรวจเจ้าของรถกระบะอ้างถูกกลุ่มคนร้ายดักปล้นเอารถไปก่อเหตุ ชุดสืบสวนพุ่งเป้าแก๊งโจรชาวเขาพื้นที่ชายแดนที่ข้ามไปมาระหว่าง 2 ประเทศจากเหตุการณ์อุกอาจ 3 คนร้ายสวมชุดคล้ายเกษตรกรชาวไร่ชาวสวน สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้าควงปืนบุกปล้นห้างทองกรุงเทพ 4 พบพระ ริมถนนสายดอนเจดีย์-วาเล่ย์ ใกล้ทางเข้าออก รพ.พบพระ ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก กระหน่ำยิงประตูกระจกหน้าร้านและใช้ค้อนทุบแตกก่อนบุกเข้าไปกวาดสร้อยทองรูปพรรณเกลี้ยงตู้โชว์น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 200 บาท แล้วขับรถกระบะเผ่นหนี มีลูกค้าที่เลือกซื้อทองอยู่ในร้านถูกกระสุนปืนของคนร้ายยิงเสียชีวิต 1 ศพคือนายชิอาก่า อายุ 30 ปี ชาวเมียนมา เหตุเกิดช่วงบ่ายวันที่ 12 ก.พ. ต่อมาในช่วงค่ำพบรถกระบะโตโยต้า ตอนเดียว สีบรอนซ์เทา ทะเบียน บง 1910 กำแพงเพชร ที่คนร้ายขับไปก่อเหตุจอดทิ้งอยู่ถนนลูกรังริมพื้นที่การเกษตรห่างไกลบ้านเรือนประชาชน ปากทางเข้าบ้านผากะเจ้อ หมู่ 9 ต.พบพระ ห่างจากร้านทองราว 6 กม.และชายแดนไทย-เมียนมา ประมาณ 8 กม. นำรถไปตรวจสอบที่ สภ.พบพระความคืบหน้าการตามล่าตัวแก๊งโจรปล้นร้านทอง เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาตำรวจประสานขอสุนัขทหารมาดมกลิ่นหาหลักฐานภายในรถกระบะของคนร้าย ขณะเดียวกันได้ตรวจยึดรถต้องสงสัยอีก 1 คันเป็นรถกระบะโตโยต้า สีขาว พบจอดทิ้งไว้ริมลำห้วยวาเล่ย์ ต้นน้ำลำน้ำเมย ชายแดนไทย-เมียนมา ท้ายหมู่บ้านยะพอ หมู่ 5 ต.วาเล่ย์ ห่างจากจุดพบรถกระบะคันแรกที่คนร้ายขับไปก่อเหตุประมาณ 8 กม. ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บวัตถุพยานและได้หลักฐานสำคัญภายในรถทั้ง 2 คันที่เชื่อมโยงกันตำรวจเชิญตัวนายหนุ่ย อายุ 36 ปี ลูกชายอดีตตำรวจ เป็นเจ้าของรถกระบะตอนเดียวที่คนร้ายขับไปก่อเหตุปล้นร้านทอง มาสอบปากคำให้การเบื้องต้นอ้างว่า ขณะขับรถอยู่ในหมู่บ้านผากะเจ้อ หมู่ 9 ต.พบพระ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 ก.พ. พบกลุ่มคนร้ายยืนอยู่ข้างทางโบกรถให้จอดลักษณะจะขอความช่วยเหลือ ก่อนชักปืนออกมาจี้บังคับให้ลงจากรถ ใช้เชือกไนลอนสีเขียวจับมัดไว้กับต้นไม้ริมทางแล้วปล้นรถกระบะไป ภายหลังแก้มัดได้และมาทราบว่าแก๊งคนร้ายขับรถไปก่อเหตุปล้นร้านทอง ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำกล่าวอ้างเนื่องจากหลายจุดยังขัดแย้งกับข้อเท็จจริง เบื้องต้นกันตัวไว้เป็นพยานพร้อมเค้นสอบสวนเชิงลึก มีรายงานว่า ชุดสืบสวนพุ่งเป้ากลุ่มคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มชนเผ่าชาวเขาในพื้นที่แนวชายแดนที่ข้ามไปมาระหว่างไทยกับเมียนมา อาจมีประวัติก่อคดียาเสพติด ลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ในพื้นที่ เนื่องจากเส้นทางที่ขับรถหลบหนีจากร้านทองเอารถไปจอดทิ้ง แล้วมีพรรคพวกขับรถอีกคันมารับพาหนีต่อไปริมลำห้วยตะเข็บชายแดน ล้วนเป็นถนนลูกรังเส้นทางการเกษตรที่คนในพื้นที่ใช้สัญจร คนนอกไม่สามารถรู้เส้นทางเข้าออกหรือใช้ความเร็วสูงในการขับรถได้ต่อมาในช่วงเช้า พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6 นำกำลังลงพื้นที่ไปตรวจร้านทองที่เกิดเหตุพร้อมให้กำลังใจนางอำพร อยู่แก้ว อายุ44ปี เจ้าของร้านเล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนพร้อมครอบครัวและพนักงานร้านรวม 3 คนยืนขายทองอยู่หลังเคาน์เตอร์ มีลูกค้าเป็นสองสามีภรรยามายืนเลือกซื้อทองอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ตนมองออกไปนอกร้านพบความผิดปกติเมื่อรถกระบะขับมาจอด มีชาย 3 คนสวมหมวกกันน็อกเต็มใบปิดบังใบหน้าลงจากรถ รีบกดปิดล็อกประตูกระจกหน้าร้าน ก่อนที่คนร้ายจะยิงปืนใส่กระจกหน้าร้านกระสุนทะลุเข้ามาถูกลูกค้าชายล้มทรุด ตนพร้อมพนักงานร้านรีบวิ่งหนีตายไปหลังร้าน จากนั้นคนร้ายใช้ค้อนทุบกระจกหน้าร้านแตกแล้วบุกเข้ามากวาดทองรูปพรรณในตู้โชว์ไปเกลี้ยง น้ำหนักรวมกว่า 200 บาทหลบหนีไป ใช้เวลาปล้นเพียงไม่กี่นาทีเหตุการณ์สงบลงบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. บินด่วนไป สภ.พบพระ มี พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6 พร้อมชุดปฏิบัติการร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการไล่ล่าแก๊งโจรปล้นร้านทอง ภายหลังการประชุมนานกว่า 1 ชม. รอง ผบ.ตร.พร้อมคณะเดินทางไปตรวจร้านทองที่เกิดเหตุ สอบสวนผู้อยู่ในเหตุการณ์พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่เก็บวัตถุพยานหลักฐานให้ละเอียด จากนั้นเดินทางไปหมู่บ้านผากะเจ้อ หมู่ 9 ต.พบพระ จุดที่พบรถกระบะโตโยต้า ตอนเดียว สีบรอนซ์เทา ทะเบียน บง 1910 กำแพงเพชร ที่คนร้ายปล้นมาจากนายหนุ่ย แล้วขับไปปล้นร้านทอง ก่อนจะย้อนกลับมาจอดทิ้งไว้ในที่เปลี่ยวห่างไกลบ้านเรือนประชาชนจากนั้นคณะรอง ผบ.ตร.เดินทางไปตรวจจุดที่พบรถกระบะโตโยต้าสีขาวอีกคันถูกจอดทิ้งไว้บนถนนลูกรังทางการเกษตรใกล้ลำห้วยวาเล่ย์ ชายแดนไทย-เมียนมา ท้ายหมู่บ้านยะพอ หมู่ 5 ต.วาเล่ย์ ห่างจากจุดที่ทิ้งรถกระบะคันแรกประมาณ 8 กม. คาดว่าเป็นรถที่พรรคพวกขับไปรับทีมปล้นทั้ง 3 คนจากจุดทิ้งรถคันแรกมาส่งเพื่อข้ามชายแดนหลบหนีไปฝั่งเมียนมา ลำห้วยมีน้ำตื้นเพียง 1 เมตรเศษ กว้างราว 10 เมตร สามารถเดินลุยน้ำข้ามไปฝั่งเมียนมาได้โดยสะดวกจุดนี้เจ้าหน้าที่และสุนัขดมกลิ่นกระจายกำลังออกค้นหาหลักฐานโดยละเอียด กระทั่งพบหลักฐานสำคัญของคนร้ายถูกทิ้งอยู่ในลำห้วยวาเล่ย์ห่างจากจุดที่พบรถประมาณ 80 เมตร ประกอบด้วย เสื้อยืดแขนยาวสีแดง กางเกงวอร์มขายาวสีน้ำเงิน รองเท้าบูตสีเขียว 1 คู่ สีน้ำเงิน 1 ข้าง กระเป๋าสะพายสีน้ำตาล 1 ใบ หมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ 1 ใบ และค้อน 1 อัน เก็บรวบรวมทั้งหมดส่งตรวจหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และเก็บดีเอ็นเอจากวัตถุพยานนำมาประกอบสำนวนคดีอย่างละเอียด พร้อมส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่เร่งสืบหาร้านค้าแหล่งที่คนร้ายไปซื้อเครื่องแต่งกายพร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า คดีมีความคืบหน้าไปมาก เบื้องต้นคาดว่ากลุ่มคนร้ายวางแผนการปล้นร้านทองอย่างเป็นระบบ มีการเตรียมการมาเป็นอย่างดี คาดว่าขณะนี้คนร้ายอาจจะหลบหนีข้ามไปในประเทศเพื่อนบ้านแล้วหรือซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่แนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา ได้ประสานความร่วมมือไปยังทางการเมียนมาให้ช่วยออกติดตามหาตัวคนร้ายแล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่าผู้ก่อเหตุและช่วยเหลือสนับสนุนในการปล้นทองครั้งนี้มีมากกว่า 3 คน ระดมกำลังฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ชายแดน อ.พบพระ เร่งหาเบาะแสติดตามล่าตัวแก๊งคนร้ายอย่างเร่งด่วนแล้ว