นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตนได้ลงนามคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ 1599/2564 เรื่องไล่ออกจากราชการ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) นครราชสีมา เขต 7 เนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติวินิจฉัยชี้มูลความผิดทางวินัยแก่อดีต ผอ.สพป. นครราชสีมา เขต 7 กรณีทุจริตการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 ซึ่งเป็นงบแปรญัตติให้กับ สพป.นครราชสีมา เขต 7 ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างปรับปรุงสนามกีฬาพร้อมอุปกรณ์และสนามฟุตซอล เนื่องจากมีลักษณะมุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายหนึ่งให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐและทำให้ราชการเสียหายอย่างร้ายแรงตามมาตรา 84 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม จึงมีมติให้ลงโทษไล่ออกจากราชการเลขาธิการ กพฐ. กล่าวอีกว่า หากผู้ถูกลงโทษประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งนี้ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง ตามกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์ พ.ศ.2550 หรือผู้ถูกลงโทษมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองภายใน 90 วันนับแต่วันที่ถูกลงโทษตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เรื่องดังกล่าวเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดมาแล้ว สพฐ.ก็ต้องยืนยันตามมติของ ป.ป.ช. หากมีข้าราชการรายอื่นๆที่ ป.ป.ช.ชี้มูลมาอีก สพฐ.ก็พร้อมจะดำเนินการตามมติของ ป.ป.ช.อีกเช่นกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าว ป.ป.ช.มีการตรวจสอบมาแล้วหลายปี พบข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนมาก บางคนถูกนำเข้าไปเกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างหรือเป็นกรรมการตรวจรับโดยไม่ทราบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ต้องติดร่างแหกลายเป็นผู้ร่วมทุจริต หมดอนาคตในเส้นทางราชการ เรื่องดังกล่าวมีการพูดถึงนักการเมืองใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมา และเป็นแกนนำในพรรครัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการกับนักการเมืองรายดังกล่าวแต่อย่างใด ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ข้าราชการเกือบร้อยคนที่ถูกตรวจสอบและถูกลงโทษกลายเป็นแพะและตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง.