ตม.ร่วมกับ สน.ลุมพินี บุกทลายร้านอาหารชาวอินเดีย ริมถนนสุขุมวิทซอย 3 แฉเปิดบริการเย้ยโควิด-19 ฝ่าฝืนประกาศ กทม. และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พบตั้งโต๊ะไม่เว้นระยะซ้ำยังมั่วสุมสูบบารากุ เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ จับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 85 คน เป็นชาวต่างชาติ 43 คนที่เหลือ 42 คนทั้งหมดเป็นหญิงไทย คุมตัวทั้งหมดส่ง สน.ลุมพินี ดำเนินคดีตำรวจบุกจับร้านอาหารอินเดียเปิดมั่วสุมสูบบารากุไม่กลัวโควิด เปิดเผยเมื่อเวลา 01.10 น. วันที่ 16 ม.ค. พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 สั่งการให้ พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พ.ต.อ.จักรกริศน์ โฉสูงเนิน ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.ชยชัย นาธนกาญจน์ รอง ผกก.ป.สน.ลุมพินี และ พ.ต.ท.ปรัชญา บุญยืน รอง ผกก.สส.สน.ลุมพิน สนธิกำลังเข้าตรวจสอบร้านทัช คาเฟ่ เรสเตอรองต์ เลขที่ 1/29-30 ซอยสุขุมวิท 3 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ หลังเปิดให้บริการโดยฝ่าฝืนประกาศ กทม. เรื่องสั่งปิดสถานบริการชั่วคราว มีการมั่วสุมเสพบารากุ และใช้คนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ตั้งอยู่ริมถนน เปิดให้บริการเป็นร้านอาหารอินเดีย เปิดดนตรีประกอบเต้นรำ พบผู้ใช้บริการในร้านมีทั้งคนไทยและต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดีย รวมกลุ่มมั่วสุมนั่งรับประทานอาหารโดยไม่รักษาระยะห่างเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคติดต่อ ประกอบกับจัดให้ลูกค้าสูบและดูดบารากุ เสี่ยงต่อการติดเชื้อ โควิด-19 เป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก่อนเข้าควบคุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 85 คน เป็นคนไทย 42 คน และชาวต่างชาติ 43 คน แบ่งกลุ่มดำเนินคดีตามพฤติการณ์ดังนี้ คือ นายมันดีฟ ซิงห์ ชาวอินเดีย อายุ 28 ปี ผู้จัดการร้าน แจ้งข้อหาเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรชั่วคราว ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน, ฝ่าฝืนข้อกำหนด มาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ฝ่าฝืนประกาศ กทม.เรื่องสั่งปิดสถานบริการชั่วคราว (ฉบับ 15), ฝ่าฝืนคำสั่ง คกก.คุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 ห้ามขายหรือห้ามให้บริการ สินค้าบารากุ ตามมาตรา 36 พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคขณะที่ผู้ต้องหาชาวต่างชาติอีก 42 คน ทั้งหมดแจ้งข้อหา ร่วมกันมั่วสุม ณ ที่ใดในสถานที่แออัด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มีบางรายแจ้งข้อหาเพิ่มเติม อาทิ เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยอนุญาตสิ้นสุด และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนผู้ต้องหาชาวไทยอีก 42 คน ทั้งหมดเป็นหญิง แจ้งข้อหาร่วมกันมั่วสุม ณ ที่ใดในสถานที่แออัด อันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ทั้งหมดให้การรับสารภาพ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ดำเนินคดีเย็นวันเดียวกัน พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 แถลงผลการจับกุมผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯว่า เมื่อเวลา 01.10 น. บก.น.5 ร่วมกับ สตม. จับกุม ผู้มั่วสุมในร้านอาหารของชาวอินเดียและปากีสถาน ภายในซอยสุขุมวิท 3 ได้ผู้ต้องหารวม 85 คน มีสัญชาติอินเดียและปากีสถาน รวมทั้งมีหญิงชาวไทยร่วมอยู่ด้วย หลังจับกุมได้นำตัวส่งฟ้องต่อศาลแขวงพระนครใต้ ดำเนินการปรับชาวต่างชาติคนละ 10,000 บาท และคนไทยปรับคนละ 5,000 บาท ทั้งนี้ เป็น ไปตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินตามกฎหมายและ ประกาศของกรุงเทพมหานครตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อย่างเคร่งครัด
