สภาพอากาศในระยะนี้ กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรเจ้าของสวนให้เฝ้าระวังการเข้าทำลายของเพลี้ยไก่แจ้ส้ม พาหะนำโรคกรีนนิ่ง (Greening) ทำให้ส้มมีอาการทรุดโทรมไปทั้งสวนจนเกินจะเยียวยาแก้ไขเพลี้ยไก่แจ้มีอยู่มากมายหลายชนิด มีตั้งแต่เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน ไก่แจ้ส้ม ไก่แจ้ลำไย ไก่แจ้มะม่วง ไก่แจ้ชมพู่ ไก่แจ้กระถิน...แต่ละชนิดจะเจาะจงดูดกินทำลายพืชชนิดนั้นๆเป็นการเฉพาะเหตุที่แมลงชนิดนี้ได้ชื่อว่า “ไก่แจ้” นั่นเพราะในช่วงเป็นตัวอ่อนจะขับถ่ายออกมาเป็นพู่เป็นพวงตรงปลายท้อง มองคล้ายหางของไก่แจ้...แต่ละชนิดมีหางไม่เหมือนกัน บางชนิดหางยาวชัดเจน อย่าง เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน แต่เพลี้ยไก่แจ้ส้มมีหางสั้น การเข้าทำลายของเพลี้ยไก่แจ้ส้ม จะพบในระยะที่ต้นส้มแตกยอดอ่อนและติดผล โดยตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะมาดูดกินน้ำเลี้ยงจากตาและยอดอ่อน เมื่อตัวอ่อนขับถ่ายสารสีขาวออกมาเป็นเส้นด้ายทำให้เกิดราดำ ใบและยอดถูกทำลายจะหงิกงอและแห้งเหี่ยว หากเข้าทำลายถึงขั้นรุนแรง จะทำให้ใบร่วงติดผลน้อยหรือไม่ติดผลเลยนอกจากเข้าทำลายยอดอ่อนต้นส้มโดยตรง ยังจะถ่ายทอดเชื้อไมโครพลาสมาที่ก่อให้เกิดโรคใบเหลืองต้นโทรม หรือโรคกรีนนิ่ง ที่ทำให้ต้นส้มโทรมและตายในที่สุดในระยะที่ต้นส้มแตกตา มียอดอ่อน ให้เกษตรกรสุ่มสำรวจสวน หากพบเพลี้ยไก่แจ้ส้มทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัย 5 ยอดต่อต้น จำนวน 10-20 ต้นต่อสวน และในแหล่งที่มีการระบาดของโรคใบเหลืองต้นโทรมหรือโรคกรีนนิ่ง ให้ป้องกันกำจัดในทันทีด้วยสารฆ่าแมลง อิมิดาโคลพริด 70% ดับเบิลยูจี อัตรา 2 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไดโนทีฟูแรน 10% ดับเบิลยูพี อัตรา 4 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ โคลไทอะนิดิน 16% เอสจี อัตรา 2 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ แลมบ์ดาไซฮาโลทริน 2.5% อีซี อัตรา 15 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร.สะ–เล–เต