สับปะรดบ้านคาเป็นที่รู้จักกันมานานถึงรสชาติที่อร่อย หอม หวาน ไม่กัดลิ้น จนได้เครื่องหมายจีไอ หรือสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของ จ.ราชบุรีแต่เดิมปลูกกันแบบต่างคนต่างทำ เน้นใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิมประสานกับเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุน เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีงานวิจัยเกี่ยวกับการปลูกสับปะรดมากนัก การปลูกจึงใช้วิธีแบบเดิมสืบกันมา...แต่เมื่อมีงานวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง มาแนะนำให้เกษตรกรปฏิบัติ ตั้งแต่การเตรียมดินไปจนถึงแปรรูปผลผลิต ทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ลดต้นทุน กำไรมากขึ้น ระดม แสนชมพู ประธานกลุ่มแปลงใหญ่สับปะรดบ้านคา ต.หนองพันจันทร์ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี บอกถึงแนวทางการปลูกสับปะรดของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง...เริ่มตั้งแต่การเตรียมดิน ต้องไถพรวนในระดับความลึกมากกว่า 30 ซม. จากนั้นนำก้อนเห็ดเก่า ขี้ไก่ แกลบ ใส่ในดินแล้วไถกลบ ราดด้วยน้ำหมักชีวภาพ ทิ้งไว้ 2-3 สัปดาห์ ก่อนลงมือปลูกเพราะเดิมไถพรวนลึกไม่ถึง 30 ซม. ทำให้รากวัชพืชยังมีหลงเหลืออยู่ใต้ดิน โดย เฉพาะรากหญ้าคาที่รอการงอกขึ้นมาแย่งธาตุอาหาร แย่งปุ๋ย แย่งธาตุอาหารจากสับปะรดได้อีก “ที่สำคัญการไถวิธีใหม่นี้ นอกจากจะเพิ่มธาตุอาหารในดิน ยังได้ผลพวงรากหญ้าคา มีโรงงานมารับซื้อนำไปทำยาแก้เบาหวาน ลดไขมัน สารทดแทนน้ำตาล โดยรากหญ้าคาสด กก.ละ 3 บาท ตากแห้ง 15 บาท”ระบบน้ำ...เปลี่ยนมาใช้ระบบสปริงเกอร์ เพราะสับปะรดมีกาบใบ ทำให้น้ำจะไปค้างที่กาบใบ ต้นสับปะรดจะชุ่มน้ำอยู่ตลอด แม้จะรดน้ำเสร็จแล้วก็ตาม เปิดสปริงเกอร์สัปดาห์ละครั้ง ในช่วงบ่ายถึงเย็น ให้สับปะรดได้รับน้ำเฉลี่ยไร่ละ 11.2 ลบ.ม.ต่อสัปดาห์ เทียบได้กับมีฝนตกสัปดาห์ละ 7 มม.วางแผนการผลิต...ควรเริ่มปลูกตั้งแต่ช่วงกลางปี เพื่อจะไปบังคับดอกในช่วง ม.ค.-ก.พ. เพื่อจะได้เก็บเกี่ยวช่วง ก.ค.-ส.ค. ตอนสับปะรดมีราคาสูงการปลูก...ปกติปลูกแบบคละกันไป ไม่คัดหน่อใหญ่ หน่อเล็ก ไร่ละ 10,000-12,000 หน่อ ทำให้ ต้นโตสมบูรณ์ไม่เสมอกันทั้งแปลง เปลี่ยนมาปลูกแบบคัดหน่อให้มีขนาดใหญ่เสมอกัน ปลูกระยะห่าง 50×60 ซม. ไร่ละ 6,500-8,000 หน่อ ต้นจึงโตเสมอกัน ผลผลิตออกในระยะเวลาใกล้เคียงกัน เพราะต้นไม่เบียดกัน ได้รับปุ๋ยและน้ำอย่างทั่วถึง ที่สำคัญได้หน่อพันธุ์คุณภาพที่เก็บจากต้นแม่ เพื่อลงปลูกในครอปต่อไป ใช้หน่อพันธุ์น้อยลง ช่วยประหยัดค่าหน่อได้อีกไร่ละ 9,600-10,000 บาท แถมต่อไปก็ไม่ต้องลงทุนซื้อหน่อพันธุ์อีก เพราะต้นแม่ 1 ต้น จะให้หน่อพันธุ์คุณภาพ 3-5 ต้นทุก 3 เดือนการบังคับดอก...โดยทั่วไปจะบังคับดอกหลังจากปลูกไปแล้ว 8-9 เดือน สูตรปุ๋ยสูตรที่ได้ผลดีคือ 0-0-50 ฉีดพ่นครั้งละ 1 กรัมต่อต้น และปุ๋ยสูตร 46-0-0 ครั้งละ 0.5 กรัมต่อต้น ฉีดพ่นในช่วง 90 และ 120 วัน หลังเริ่มบังคับดอก...สามารถลดต้นทุนโดยใช้ฮอร์โมนไข่สูตรน้ำมะพร้าว 100% ซึ่งเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมคนชาวบ้านคา ที่ให้ผลแทบไม่ต่างกันฮอร์โมนไข่ ทำเองได้มีต้นทุนลิตรละไม่เกิน 50 บาท แถมเก็บไว้ใช้ครั้งต่อไปได้ ทำให้ประหยัดค่าปุ๋ยได้ไร่ละ 484 บาท แปรรูป...สนับสนุนองค์ความรู้ให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เอกชน แปรรูปสับปะรดเป็นผลิตภัณฑ์เจลให้พลังงานสูง สำหรับนักกีฬา และผู้เสียเหงื่อ ไซรัปสับปะรด น้ำไซเดอร์ เอนไซม์สับปะรด ที่ผ่านเทคโนโลยีฟรีดดรายเป็นผง เพิ่มมูลค่าจากสับปะรด กก.ละ 10 กว่าบาท เป็นเอนไซม์ผง กก.ละ 2,500 บาท ต่อยอดเอนไซม์พัฒนาสู่ผงบำรุงฟัน สบู่ ผงทำเนื้อนุ่ม และผงขัดผิว พร้อมกับพัฒนาแพลตฟอร์มสมัยใหม่ต้นทุนต่ำ และเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์สำหรับสับปะรดเหลือทิ้ง เสียหาย หรือตกเกรด ก็นำมาทำอาหารสัตว์ 2 สูตร คือ สูตรสำหรับสัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่น วัว ควาย แพะ แกะ และสูตรอาหารสัตว์ปีก และหมูวิธีการนี้จากปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว เดิมใช้เวลา 18 เดือน ลดเหลือแค่ 14 เดือน และเดิมได้ผลผลิตไร่ละ 5-6 ตัน เพิ่มมาเป็น 7.5-8 ตัน ...ลดต้นทุนโดยรวมไปได้กว่า 30%. กรวัฒน์ วีนิล