25-26 พ.ย.นี้ม็อบมาแน่ แกนนำเกษตรกร ค้านแบน 3 สาร “พาราควอต-ไกลโฟเซต-คลอร์ไพริฟอส” นัดคุย “เฉลิมชัย” ก่อนใส่ชุดดำนัดชุมนุมใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือนายกฯ เดินหน้าบุกกระทรวงเกษตรฯ-อุตสาหกรรม เรียกร้องความเป็นธรรม ยันฟ้องศาลปกครอง หวั่นมือที่สาม ม็อบเสื้อขาวป่วน พร้อมเกาะติดประชุมบอร์ดวัตถุอันตราย ด้าน “สุริยะ” ชี้เห็นด้วยยืดเวลาแบน 3 สาร รอมาตรการรองรับเกษตรกรเดือดร้อน ชี้ผลสรุปอย่างไรต้องรอคณะกรรมการลงมติ 27 พ.ย.นี้ ขณะที่ กมธ.ควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม หนุนเดินหน้าแบน 3 สารพิษ จี้นายทุนหยุดปลุกม็อบป่วนหลังจาก นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตรสามชนิด “พาราควอต-ไกลโฟเซต-คลอร์ไพรีฟอส” เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า กรมวิชาการเกษตรจะยืดระยะเวลาการจัดการหรือการบังคับใช้การยกระดับ 3 สารเคมีเกษตรเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ที่ห้ามนำเข้า ห้ามส่งออก ห้ามใช้ และห้ามมีไว้ครอบครอง ในวันที่ 1 ธ.ค.2562 ออกไปอีก 6 เดือน โดยต้องรอให้กรมวิชาการเกษตรหารือในที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่าจะใช้วิธีเลื่อนการแบน หรือจะใช้กำหนดการแบนเดิมที่วันที่ 1 ธ.ค.2562 แต่ให้มีไว้ครอบครองได้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาอีก 6 เดือน เชื่อว่าปริมาณ 3 สารที่มีอยู่ในไทยกว่า 2 หมื่นตันจะหมดไปได้นั้นต่อมาเมื่อวันที่ 23 พ.ย. น.ส.อัญชุลี ลักษณ์อำนวยพร ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเกษตรกรในวันที่ 26 พ.ย.นี้ บริเวณทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับมติการแบน 3 สาร คือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพรีฟอส เพื่อปรับให้ 3 สารพิษดังกล่าวจากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ว่า เบื้องต้นได้รับการอนุญาตให้ชุมนุมสาธารณะแล้วจากสถานีตำรวจนครบาลดุสิต กำหนดจุดให้ชุมนุมบริเวณตรงข้ามประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. พร้อมทั้งเตรียมยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลอง กล่าวอีกว่า สำหรับรายละเอียดของการชุมนุมดังกล่าว มีจุดหมายอยู่ 3 จุด คือ ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00-10.00 น. รวมตัวฝั่ง กพร.ตรงข้ามประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล แถลงยืนยันจุดยืน และยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี จากนั้นในเวลา 10.00-12.00 น. จะเดินไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่ออ่านแถลงการณ์ และยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หลังจากพักกลางวันจะเดินทางต่อไปยังกระทรวงอุตสาหกรรม ในเวลา 13.30-15.00 น.เพื่อยื่นหนังสือข้อเรียกร้อง ความเดือดร้อนของเกษตรกร ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ก่อนที่จะมีการประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 27 พ.ย.ที่จะถึงนี้“งานนี้เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนไม่ต่ำกว่า 2,000 คน จากทั่วประเทศ จะร่วมกันแต่งชุดดำไว้อาลัยให้กับมติแบน 3 สาร และคนที่เรียกตัวเองว่าปัญญาชน ผู้แทนของประชาชนที่เชื่อข้อมูลแต่ฝ่ายเดียว ขณะที่อีกกลุ่มก็ให้ข้อมูลทางวิชาการเท็จ เหมือนหากินกับงานวิจัย มีทั้งใช้ภาษีประชาชน เงินต่างชาติ มาบิดเบือนทำร้ายเกษตรกรที่ผลิตอาหารเลี้ยงคนทั้งประเทศ แม้ผลประชาพิจารณ์ออกมาว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการแบน 3 สารเคมีแล้ว ก็ยังไม่ให้ความสำคัญ ซึ่งคนเหล่านี้เราจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด” น.ส.อัญชุลี กล่าวอัญชุลี กล่าวต่อไปว่า การชุมนุมครั้งนี้ถือเป็นเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ในการชุมนุมสาธารณะของเกษตรกรทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย เป็นการชุมนุมด้วยสันติ ปราศจากอาวุธ ไม่มีการยุยง ปลุกปั่น สร้างความวุ่นวาย หรือใช้ความรุนแรงใดๆ ฉะนั้น หากเกิดการกระทำใดๆอันเกิดจากการสร้างสถานการณ์ ความวุ่นวาย ก็ขอให้เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ทันที เพราะเราเป็นเพียงเกษตรกรมือเปล่า อีกข้อวิตกคือ อาจมีการจัดตั้งม็อบเสื้อขาวต่อต้านกลุ่มเกษตรกรที่มาเรียกร้องในครั้งนี้ โดยเฉพาะตามจุดที่ขบวนเคลื่อนผ่าน ฉะนั้น จึงขอวอนให้เจ้าหน้าที่ช่วยกวดขันดูแล ระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างกัน“เราต้องการความชัดเจนในวันชุมนุมครั้งนี้เลย เพราะเราต้องการให้กลับมาจำกัดการใช้เช่นเดิม เหมือนหลายประเทศทั่วโลก แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นใด ก็จะยุติการชุมนุม แต่ยังคงเดินทางไปติดตามสถานการณ์การประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ในวันที่ 27 พ.ย. ที่กระทรวงอุตสาหกรรม หากผลยังคงมติเดิมให้แบน 3 สาร ก็จะยื่นฟ้องศาลปกครองต่อไป” ประธานเครือข่ายอาสาคนรักแม่กลองกล่าวต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย (FSA) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งการให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ หารือร่วมกับกลุ่มเกษตรกร ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ เวลา 14.00 น. กรณีแบน 3 สารเคมีการเกษตรดังกล่าว ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้นายเฉลิมชัยจะนิ่งเฉยไม่ได้แล้วเพราะเป็นถึงรัฐมนตรี ว่าการ แต่กลับปล่อยให้ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ ทำจนเหลวแหลก และให้กรมวิชาการเกษตรออกคำสั่งให้แจ้งและส่งมอบ 3 สารที่ครอบครองภายใน 30 วัน ทั้งที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ยังไม่ลงนามประกาศให้ทั้ง 3 สารเป็นวัตถุอันตรายระดับ 4 เลย ทั้งนี้ ขอยืนยันตนจะไม่คืนสารที่อยู่ในครอบครองเพราะถือมาอย่างถูกต้องและยืนยันว่าสมาพันธ์เกษตรปลอดภัยไม่เห็นด้วยกับการแบน 3 สาร แต่ยอมรับมติที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายวันที่ 22 พ.ค.2562 ที่ให้จำกัดการใช้ ให้เกษตรกรต้องไปอบรม ตรงนี้มีเกษตรกรเข้ารับการอบรมแล้ว 406,000 คนนายสุกรรณ์กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นในช่วงเช้าวันที่ 26 พ.ย.นี้ เกษตรกรจากหลายกลุ่มร่วม 5,000 คนได้นัดแต่งชุดดำไปรวมตัวกันในเวลา 09.00 น. ที่กระทรวงเกษตรฯ ก่อนจะเดินต่อไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีคัดค้านการแบน 3 สารด้วย ยืนยันว่าจะใช้หลักอหิงสา ไม่ใช่การก่อม็อบ และเห็นว่า น.ส.มนัญญา รมช.เกษตรฯ ระบุว่า หากมากดดัน อาจมีม็อบเสื้อขาวมาเหมือนกัน นอกจากไม่ช่วยเกษตรกรแล้ว ยังข่มขู่อีกด้วยด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย เปิดเผยถึงกรณีกรมวิชาการเกษตร ที่เป็นผู้ดูแลการใช้ 3 สารเคมีทางการเกษตร คือ พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส เตรียมขอยืดระยะเวลาการบังคับ 3 สาร จากชนิดที่ 3 เป็นชนิดที่ 4 ที่ห้ามใช้ ห้ามผลิต ห้ามจำหน่าย ห้ามครอบครอง ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้ ออกไปอีก 6 เดือน หรือยืดเวลาการแบนใช้ 3 สาร ว่าตนเห็นด้วยกับแนวทางในการยืดระยะเวลาออกไป เพื่อรอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีมาตรการรองรับอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เวลาปรับตัว ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกร เนื่องจากประเด็นการหามาตรการมารองรับ เยียวยาเกษตรกร เป็นเรื่องที่ตนให้ความสำคัญมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะการที่จะมีนโยบายอะไรออกมา ที่ส่งผลกระทบต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ควรต้องมีมาตรการออกมารองรับให้ชัดเจน เพื่อไม่สร้างผลกระทบจนเดือดร้อนกัน ส่วนผลสรุปว่าจะมีการเลื่อนระยะเวลาการห้ามใช้ 3 สารออกไปหรือไม่ ต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ร่วมกันทั้ง 27 คน ในวันที่ 27 พ.ย.นี้ ตนเป็นประธานก่อนว่า กระทรวงเกษตรฯ จะนำเสนอออกมารูปแบบไหน และให้คณะกรรมการฯ ลงความเห็นร่วมกันอย่างไร ซึ่งทุกอย่างตนยืนยันจะดูแลสุขภาพประชาชนในประเทศ และในส่วนของเกษตรกร รวมถึงทุกภาคอุตสาหกรรมต้องอยู่ได้ส่วนนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี หรือไบโอไทย กล่าวถึงการยืดเวลาแบนการใช้ 3 สารเคมีทางเกษตร ทั้งพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ออกไปอีก 6 เดือนว่า ส่วนตัวไม่ขัดข้องและรับได้ เนื่องจากการแบนที่มีกำหนดในวันที่ 1 ธ.ค.2562 นั้น หากดูขั้นตอนการปฏิบัติที่ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรม การวัตถุอันตรายเพื่อรับรอง หลังจากมีการรับฟังความคิดเห็นมาแล้ว หลังจากนั้นต้องส่งเรื่องไปยังกฤษฎีกาเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ต้องใช้เวลา นอกจากนี้การแบนสารต้องมีการแจ้งต่อองค์การการค้าโลก หรือ WTO โดยต้องใช้เวลา 60 วัน ก่อนที่การแบนสารจะมีผล ดังนั้นในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ จึงน่าจะไม่ทันแน่นอน และที่สำคัญต้องให้เกษตรกรได้มีเวลาเตรียมการก่อนฤดูการผลิตที่จะเริ่มในช่วงเดือน พ.ย.-ก.ค. เป็นต้นวันเดียวกัน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการแบน 3 สารเคมีร้ายแรงการเกษตรว่า สภาฯให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะเคยมีมติเป็นเอกฉันท์ถึง 2 ครั้ง ตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม และเห็นชอบกับรายงานผลการศึกษาแสดงให้เห็นเจตนารมณ์ว่า ให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง และในข้อเท็จจริงเกษตรเคมีแปลงใหญ่เกือบร้อยละร้อย เจ้าของที่ดินแปลงใหญ่มิได้พ่นยาฆ่าหญ้าด้วยตนเอง ล้วนจ้างคนจนไปตายผ่อนส่งแทนเกือบทั้งสิ้น หากกลุ่มทุนดังกล่าวเปลี่ยนวิธีคิดจากจ้างคนจนพ่นยาฆ่าหญ้า หันมาส่งเสริมเอสเอ็มอี ผลิตเครื่องจักรกลการ เกษตรในการกำจัดวัชพืช มีนวัตกรรมใหม่ที่คนไทยผลิตได้ จะเกิดการจ้างงานอีกหลายกลุ่ม ทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคก็จะปลอดภัยจากสารพิษร้ายแรง ไม่นับกับการใช้สารชีวภัณฑ์ ฯลฯ และทางเลือกอื่นๆทดแทนการใช้ สารเคมี