สถานีสูบน้ำด้วยพลังแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) แห่งที่ 47 ที่บ้านหนองแวง ต.ขามป้อม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม หนึ่งในโครงการแก้แล้งแก้จนอย่างยั่งยืน ของ อบจ.มหาสารคาม.ในอดีตผู้คนในภาคอีสานพากันหนีความยากจนเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เนื่องจากพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งไม่สามารถทำการเกษตรได้จ.มหาสารคาม ก็เป็นหนึ่งในจังหวัดของภาคอีสานที่ประสบภัยแล้งทุกปีเช่นกัน ส่งผลกระทบด้านการเกษตรกรรมในพื้นที่เป็นจำนวนมากแม้ว่ารัฐบาลจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือพัฒนาพื้นที่ เกิดโครงการต่างๆมากมาย แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ยังมีปัญหาในเรื่องแหล่งน้ำทำการเกษตรโดยเฉพาะพื้นที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการสูบน้ำเข้าพื้นที่เกษตร ทำให้เกษตรกรต้องหันไปพึ่งเครื่องสูบน้ำแทน เป็นการเพิ่มต้นทุนในการผลิต สถานีสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์แห่งที่ 47 ในจำนวน 103 สถานี กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆของ จ.มหาสารคาม ช่วยเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง.ในขณะที่พืชผลทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ ส่วนพื้นที่ไหนที่ไฟฟ้าเข้าถึงก็มีปัญหาเรื่องแหล่งน้ำดิบ กลายเป็นปัญหาใหญ่ให้กับเกษตรกรมายาวนานแต่ละเดือนเกษตรกรต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสูบน้ำเข้าแปลงนาไม่ต่ำกว่า 4,000 บาท ซึ่งนับว่าเป็นต้นทุนที่สูงพอสมควร ซ้ำร้ายกว่านั้นปีไหนแล้งมาก บ่อน้ำที่ขุดไว้สำหรับใช้ในการอุปโภค-บริโภค ก็เกิดการแห้งขอดเกษตรกรรายใดที่พอมีกำลังทรัพย์ก็ว่างจ้างบริษัทเอกชนเข้าไปขุดเจาะบ่อบาดาล แต่การจะนำน้ำขึ้นมาใช้ได้นั้นก็ต้องพึ่งพาอาศัยไฟฟ้าอยู่ดี สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนที่เกษตรกรต้องแบกรับไว้ กระแสไฟที่ได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ผ่านแผงโซลาร์เซลล์ สามารถสูบน้ำขึ้นไปเก็บไว้ในถังก่อนจะปล่อยสู่แปลงนาให้กับเกษตรกร สามารถจ่ายน้ำส่งไปให้เกษตรกรได้ไกลเป็นกิโลเมตร.องค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม นำโดย ดร.คมคาย อุดรพิมพ์ นายก อบจ. ได้เล็งเห็นปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร จึงได้จัดทำโครงการ “ปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร” ขึ้นมาวัตถุประสงค์เพื่อลดต้นทุนการทำการเกษตรและแก้ปัญหาในพื้นที่ที่ไม่มีน้ำใช้ในการเกษตร อีกทั้งยังส่งเสริมให้พื้นที่ใกล้เคียงเป็นแหล่งเพาะปลูกพืชไร่สวนผสมมีโครงการขุดสระน้ำ และส่งเสริมปลูกพืชผักสวนครัวด้วยดร.คมคาย อุดรพิมพ์ นายก อบจ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า โครงการนี้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2562 เพราะเห็นความเดือดร้อนของเกษตกรในท้องถิ่น ที่ต้องทนทุกข์ลำบากกับภัยธรรมชาติ จึงได้ทำเรื่องของบประมาณจาก กระทรวงพลังงาน ในการจัด โครงการปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อการเกษตร “แก้แล้งแก้จนอย่างยั่งยืน” ชาวบ้านพากันชูมือเพื่อยืนยันว่าโครงการสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ดีมาก สามารถช่วยเกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้งให้มีน้ำใช้ทำการเกษตรตลอดทั้งปี.โดยกำหนดให้แต่ละพื้นที่ ต้องมีกลุ่มชาวบ้านที่มีพื้นที่เกษตรใกล้เคียงกันจำนวนไม่ต่ำกว่า 7 คนต่อหนึ่งกลุ่ม แล้วของบประมาณในการจัดสร้างปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซลล์ขึ้นมาสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบด้วย ถังเก็บน้ำขนาด 20,000 ลิตร ชุดแผงโซลาร์เซลล์ เครื่องปั๊มน้ำพร้อมท่อพีวีซี ขนาด 2 นิ้ว ยาว 1,000 เมตรเพื่อส่งน้ำไปสู่แหล่งที่นาของสมาชิกได้ใช้อย่างเต็มที่ขณะเดียวกัน ยังได้จัดให้มีการขุดสระน้ำเลี้ยงปลา ทำพืชผักสวนครัว ซึ่งจะได้ดำเนินการจัดเป็นโครงการส่งเสริมด้านนี้เพิ่มเติมให้กับชาวบ้านได้อยู่อย่างพอเพียง และเพียงพอต่อครอบครัว สามารถรับมือกับภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนโครงการนี้สามารถลดต้นทุนในการหาน้ำเพื่อใช้ในการเกษตรกรรมได้อย่างมาก ตอนนี้โครงการปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ได้กระจายไปยังหลายพื้นที่ใน จ.มหาสารคาม เริ่มโครงการในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้าและเป็นพื้นที่แห้งแล้งก่อน ดร.คมคาย อุดรพิมพ์ นายก อบจ.มหาสารคาม ผู้ริเริ่มโครงการสร้างสถานีสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง ได้ยั่งยืน.“เราจะขยายโครงการไปยังทุกพื้นที่เพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้น้ำได้ตลอดทั้งปี โดยไม่มีต้นทุนในการหาน้ำให้พืชผลทางการเกษตรแม้แต่บาทเดียว ปัจจุบันได้จัดสร้างโครงการนี้ไปแล้ว 103 สถานี เกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า 5,150 ไร่ จำนวน3,090 ครัวเรือน” ดร.คมคาย กล่าวด้าน นายวิทูรย์ ปักเขมายัง อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 71 บ้านหนองแวง หมู่ 16 ต.ขามป้อม อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม หัวหน้ากลุ่ม “ขามป้อมโซลาร์เซลล์” เปิดเผยว่า พื้นที่หมู่บ้านตนเป็นที่ตั้งของสถานีสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์แห่งที่ 47 ตั้งแต่ได้โครงการนี้มา ทำให้สถานการณ์ขาดน้ำใช้หมดไปก่อนหน้านี้ในพื้นที่ ต.ขามป้อม ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ช่วงแล้งจะขาดน้ำ แดดก็ร้อนจัด ไม่มีแม้แต่น้ำจะให้วัวให้ควายกิน ไม่สามารถทำเกษตรได้ ช่วงหน้าฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล เกษตรกรต้องใช้ไฟฟ้าในการสูบน้ำเพื่อการเกษตร ต้องเสียค่าไฟฟ้าในราคาสูง นายวิทูรย์ ปักเขมายัง หน.กลุ่ม “ขามป้อมโซลาร์เซลล์” หนึ่งในเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์.ภายหลังโครงการสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เกิดขึ้น เกษตรกรประหยัดต้นทุนไปได้มาก ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น สมาชิกในกลุ่มมีน้ำในการทำเกษตร ตอนนี้ท้องนาเต็มไปด้วยต้นข้าวเขียวขจี เพราะมีน้ำตลอด คาดว่าจะทำให้ได้รับผลผลิตมากเป็นพิเศษในปีนี้อีกทั้งยังเป็นการลดต้นทุนในการผลิต เพราะไม่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้า ใช้พลังงานแสงอาทิตย์แทน ถ้ามีแสงอาทิตย์ก็สามารถสูบน้ำส่งเข้าแปลงนาได้ มีแสงแดดมากน้ำก็ไหลแรง ตอนเย็นไฟฟ้าก็ตัดเอง ตนและชาวบ้านดีใจมาก ทุกคนสามารถลืมตาอ้าปากได้ โดยอาศัยวิถีธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่น อุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้าบริเวณสถานีสูบน้ำ.“ต้องขอขอบคุณ ดร.คมคาย อุดรพิมพ์ นายก อบจ.และผู้บริหารทุกคนที่เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ หลังจากนี้เชื่อว่าเกษตรกรทุกคนจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” นายวิทูรย์ กล่าวอย่างมีความหวังสถานีสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์นี้ นับเป็นผลงานของ อบจ.มหาสารคาม ที่ช่วยเกษตรได้ยั่งยืน. แปลงนาข้าวที่อยู่ใกล้สถานีสูบน้ำมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี โดยไม่ต้องรอฝน ทำให้ต้นข้าวเขียวขจี เป็นการเพิ่มผลผลิตให้กับเกษตรกร.พรเทพนิพัท พจน์วิวัฒน์