นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยว่า ประเทศเมียนมาสนใจเลี้ยงโคกึ่งเนื้อ-นม และไทยได้สนับสนุนน้ำเชื้อพ่อพันธุ์เพื่อนำไปปรับปรุงพันธุ์โคอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2559 แต่ยังพบมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนพืชอาหารสัตว์และความรู้ด้านการจัดการ ในขณะที่ไทยมีพืชอาหารสัตว์ที่หลากหลาย และมีเทคโนโลยีการจัดการที่ดีที่สุดในแถบเอเชีย“ปี 2562 สมาพันธ์ปศุสัตว์ (MLF) และสมาคมโคนม (MDA) เมียนมา โดย Dr. Khin Hlaing ได้ขอสนับสนุนเมล็ดพันธุ์หญ้าพร้อมบุคลากรของสำนักพัฒนาอาหารสัตว์เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการทำแปลงปลูกหญ้า จัดการและใช้ประโยชน์จากแปลงพืชอาหารสัตว์ สำหรับใช้เลี้ยงโคกึ่งเนื้อ-นม ที่ศูนย์ดูแลเด็กกำพร้าและโรงเรียนปฐมวัย ที่วัด Khit Aye กรุงเนปิดอร์ เนื่องจากในอนาคตทางการเมียนมาจะพัฒนาการเลี้ยงโคกึ่งเนื้อ-นม ให้กลายเป็นเหมือนโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียน เหมือนกับที่ประเทศไทย” ด้าน นายสมพล ไวปัญญา นักวิชาการสัตวบาลชำนาญการพิเศษ กรมปศุสัตว์ เผยถึงสายพันธุ์หญ้าที่กรมปศุสัตว์นำไปช่วยเหลือ ได้เลือกหญ้าสายพันธุ์พลิแคทูลัม (Paspalum plicatulum) เพราะพฤติกรรมการเลี้ยงโคของเมียนมายังคงเป็นวิถีปล่อยให้วัวเดินแทะเล็มหญ้า และยังเป็นหญ้าที่ปลูกด้วยการใช้เมล็ด ทำให้ปลูกง่าย เจริญเติบโตได้ทุกสภาพดิน ทนน้ำขัง ทนแล้ง เป็นพันธุ์ที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งในไทยจะปลูกกันมากในพื้นที่ภาคใต้ การปลูกจัดการง่ายไม่ต้องดูแลมาก แม้ถูกฝูงวัวเหยียบย่ำ แต่หลังฝนตก หรือมีน้ำ สามารถแตกยอดกลับมาเจริญงอกงามได้อีก และหลังปลูกแล้วหญ้าชุดแรกตัดนำไปเลี้ยงได้เมื่ออายุ 60 วัน ผลผลิตน้ำหนักสดต่อรอบการตัดไร่ละ 5,000 กก. หลังจากนั้นจะตัดทุกๆ 45 วัน หรือจะปล่อยให้สัตว์เข้าไปในแปลงแทะเล็มหญ้าก็สามารถทำได้ เพราะหญ้าสายพันธุ์นี้ทนทานต่อการเหยียบย่ำ ปลูกครั้งเดียวสามารถใช้เลี้ยงสัตว์เคี้ยวเอื้องได้นาน 10 ปี.