เป็นสัญญาณเตือนผู้ที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงกับการพบอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดจำนวนมากที่อยู่ในสภาพใหม่เอี่ยมพร้อมใช้งาน จะเชื่อมโยงเหตุความวุ่นวายการเมืองใหญ่ที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หรือมีผลต่อการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ประเทศได้เป็นเจ้าภาพ เป็นหน้าที่ของตำรวจ ทหารและหน่วยงานด้านความมั่นคงหาคำตอบ เพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงและทำลายความเชื่อมั่นรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง สั่งให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เร่งหาที่มาของระเบิดที่ถูกซุกซ่อนไว้ทุกพื้นที่ ผบ.ตร.มอบให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ที่รับผิดชอบงานความมั่นคง ลงพื้นที่สืบสวนที่มาอาวุธสงครามที่เจอในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จุดที่ 1 ชาวบ้านทอดแหที่ลำห้วยกมด บ้านขุนเหนือ ต.โสน อ.ขุขันธ์ พบลูกยิงระเบิด PG 2 อยู่ในกระสอบปุ๋ย 21 นัดดินส่งลูกระเบิด PG 2 จำนวน 24 แท่ง ดินชนวนระเบิด PG 2 48 นัด ลูกยิงจากเครื่องยิงระเบิด 40 มม. 70 นัด กระสุนปืนขนาด 7.62 จำนวน 700 นัด พล.ต.อ.ศรีวราห์ให้หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดหรืออีโอดีตรวจสอบอาวุธสงครามอย่างละเอียดค้นหาในรัศมี 200 เมตร สูบน้ำออกจากคลองพบระเบิดเพิ่มเป็นลูกระเบิด PG 2 อยู่ในกระสอบปุ๋ย 41 นัด ดินส่งลูกระเบิด PG 2 1 แท่ง กระสุนปืนขนาด 7.62 จำนวน 2,100 นัดจุดที่ 2 ใต้สะพานบ้านสนามสามัคคี ต.โสน อ.ขุขันธ์ ห่างจุดแรก 4 กม. พบดินส่งลูกระเบิด PG 2 31 แท่ง ซองกระสุนปืนอาก้า 30 ซอง ขวดพลาสติกสีเขียว 10 ขวด จุดที่ 3 ที่ ต.ห้วยตามอญ อ.ภูสิงห์ เป็นปืนชนิด AK 47 ดาบปลายปืน 16 กระบอก ซองบรรจุกระสุนปืน AK 47 จำนวน 129 ซอง และขวดบรรจุน้ำมันชโลมปืน 18 ขวดอีกจุดพื้นที่ ต.สะเดา อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ พบอาวุธสงครามใส่กระสอบปุ๋ยทิ้งไว้ มีอาวุธปืนอาก้า 47 จำนวน 16 กระบอก ซองบรรจุกระสุนปืน 130 ซอง จรวดต่อสู้รถถังอาร์พีจี 2 จำนวน 62 ลูก ดินส่งของจรวดต่อสู้รถถังชนิดอาร์พีจี 2 จำนวน 56 แท่ง ลูกระเบิดเอ็ม 79 จำนวน 70 ลูก กระสุนขนาด 7.62 จำนวน 4 ลัง 2,800 นัด ดินขยายการระเบิดจรวดต่อสู้รถถัง 1 ลัง 48 นัด และซองบรรจุกระสุนปืนอาก้า จำนวน 30 ซอง อาวุธบางชนิดใช้งานได้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ลงพื้นที่ ต.โสน อ.ขุขันธ์ พร้อม พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.3 ตรวจพบอาวุธสงครามทั้งกระสุน RPG และ M 79 หลายร้อยลูกซุกซ่อนในคลองส่งน้ำบ้านขนุนเหนือ เป็นวัตถุระเบิดและอาวุธสงครามใหม่เอี่ยม และพร้อมใช้งานคล้ายคลึงกับอาวุธสงครามที่ยึดได้จากกลุ่มของ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ นักเคลื่อนไหวกลุ่มเสื้อแดง มีเลขลอตนัมเบอร์ เหมือนกับในช่วงที่มีเหตุชุมนุมทางการเมืองปี 2553 และ 2557 ทั้งเครื่องยิงระเบิด RPG 27 นัด ดินระเบิด M 79 จำนวน 24 แท่ง อาก้า 1 ลัง ไม่ต่ำกว่า 700 นัด และเชื้อปะทุ 48 ชิ้นตำรวจอีโอดียืนยันว่าลอตนัมเบอร์อาวุธสงครามไม่พบใช้งานในกองทัพและตำรวจกรณีที่พบปืนอาก้า 16 กระบอก ถูกนำมาทิ้งคลอง หมู่ที่ 3 ต.สะเดา อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ตำรวจเชื่อว่า เป็นผลพวงการสั่งให้ขยายผลตรวจค้นผู้ที่ครอบครองอาวุธสงครามกลัวความผิดนำมาทิ้งอำพราง แต่จากการตรวจสอบอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดทั้งพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.สุรินทร์ พบแมกกาซีนปืน 2 พื้นที่เชื่อมโยงกันพล.ต.อ.ศรีวราห์ พล.ต.อัครเดช บุญเทียม รองแม่ทัพภาคที่ 2 เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ที่ บช.ภ.3 สั่งให้ชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิด 16 ตัว ที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางที่คาดว่ากลุ่มคนร้ายจะนำอาวุธสงครามไปทิ้ง และกองพิสูจน์หลักฐานตรวจหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เปรียบเทียบดีเอ็นเอ เพื่อหาตัวคนกระทำผิดมาลงโทษ ส่วนมาตรการป้องกันให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความเข้มในการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ทั้งตำรวจท้องที่ และตำรวจทางหลวง ทหาร ฝ่ายปกครอง บูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในช่วงปลายเดือน มิ.ย.มีแหล่งข่าวยืนยันตำรวจเชื่อว่า คนร้ายไม่ต่ำกว่า 2 คน ใช้รถบรรทุกอาวุธสงครามมาทิ้ง สอบปากคำพยานแวดล้อม 10 ปาก ซึ่ง 1 ใน 10 พบผู้ที่ต้องสงสัยที่เป็นอดีตตำรวจเคยต้องโทษคดีค้าอาวุธสงครามปี 2552 และค้าไม้พะยูง ปี 2554 ขณะนี้พ้นโทษออกมา ชุดสืบสวนเข้าค้นบ้านผู้ต้องสงสัยแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และยังไม่ยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการชุมนุมหรือมีแนวคิดฝักใฝ่การเมืองหรือไม่ อยู่ระหว่างสอบปากคำพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “การพบอาวุธสงครามจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.สุรินทร์ ได้ตั้งข้อสงสัยไว้หลายประเด็นและยังไม่อยากระบุว่าเกี่ยวโยงกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานกำลังตรวจสอบลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอที่พบอยู่กับอาวุธสงคราม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งจับตัวมาให้ได้โดยเร็วและมั่นใจว่าจะจับตัวได้ ระดมทั้งตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ แต่จะจับใครมั่วไม่ได้ เพราะการครอบครองอาวุธสงครามมากมายขนาดนี้ผู้กระทำผิด มีโทษถึงประหารชีวิต ดังนั้นต้องมีพยานและหลักฐานที่ชัดเจนเพื่อขอหมายศาลออกหมายจับตามขั้นตอนทางกฎหมายและทั้ง 2 จุดที่พบอาวุธสงครามเกี่ยวโยงกันทั้งหมด“ในช่วงที่มีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 20-23 มิ.ย.สั่งกำชับให้ตำรวจทั่วประเทศวางมาตรการดูแลความสงบอย่างเข้มข้นขึ้นหลายเท่า โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ต้องไม่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น เพราะจากประสบการณ์ และหน่วย EOD รายงานแจ้งว่า อาวุธสงครามพวกนี้มักจะถูกนำไปใช้ในตัวเมืองใหญ่ๆ ไม่ใช่ในพื้นที่ชนบท ต้องจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองและตำรวจทางหลวง จัดกำลังสกัดทุกเส้นทางในพื้นที่จังหวัดปริมณฑล เพื่อไม่ให้อาวุธสงครามเหล่านี้เข้าไปใน กทม. จากการตรวจสอบพบว่า อาวุธสงครามทั้งหมดเกี่ยวเนื่องการชุมนุมทางการเมือง อยากให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ไม่ใช่รอให้รอง ผบ.ตร.ไล่ตามสืบตามจับ ทั้งที่เป็นหน้าที่ของพื้นที่ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทำงานเต็มที่ ควบคุมสถานการณ์สร้างความเชื่อมั่นได้”ภาพรวมคดีอาวุธสงครามและระเบิดจำนวนมากที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบกับสถานการณ์ทางการเมือง การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน จะมีความเชื่อมโยงหรือไม่ เป็นคำถามที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ผู้เชี่ยวชาญงานมั่นคงและการสืบสวนสอบสวนกำลังหาคำตอบ สถานการณ์สุ่มเสี่ยงในช่วงเปลี่ยนถ่ายการเมือง รัฐบาลจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและเวทีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพเชื่อว่ารัฐบาล คสช.ยังควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้.ทีมข่าวอาชญากรรม