แม่น้ำโขงเขตพื้นที่นครพนมวิกฤติหนักเพิ่มสูงสุดในรอบ 10 ปี ทะลักท่วมแล้ว 4 อำเภอ นาข้าวจมน้ำเสียหายไม่ต่ำกว่า 3,000 ไร่ แถมยังมีมวลน้ำจากลำน้ำสงครามกับลำน้ำอูน เกินจุดวิกฤติ ไหลหลากท่วมในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม ส่งผลนาข้าวเสียหายนับหมื่นไร่ ส่วนสกลนคร มวลน้ำอูนปิดล้อมหมู่บ้าน 28 หลังคาเรือนจมบาดาล เหลืออีก 70 ซม. จะจมมิดทั้งหมู่บ้าน เช่นเดียวกับแม่น้ำโขงที่ จ.มุกดาหาร เพิ่มเกินระดับวิกฤติอีกครั้ง ส่วนเชียงราย ฝนถล่มซ้ำน้ำป่าไหลหลากลงแม่น้ำอิงเอ่อล้นท่วมนาข้าวใน อ.เทิง กว่าพันไร่ ส่วนสระบุรี ฝนตกต่อเนื่องน้ำป่าทะลักท่วมหนักในพื้นที่ อ.บ้านหมอ ด้าน พ่อค้าแม่ค้าในตลาดกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เร่งขนข้าวของหนีน้ำกันให้วุ่น สลดหนุ่มนักศึกษาช่างยนต์ จิตอาสาช่วยชาวบ้านขนข้าวของ ก่อนลงเล่นน้ำเสียหลักจมน้ำดับอนาถปัญหาน้ำท่วมหลายพื้นที่ทั่วประเทศวิกฤติหนัก โดยผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ว่า ที่ จ.นครพนม ระดับน้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องใกล้ถึงจุดสูงสุดอยู่ที่ระดับ 12.45 เมตร ห่างจากจุดวิกฤติล้นตลิ่งราว 55 ซม. ถือว่าระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลกระทบทำให้หลายพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขง น้ำล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนพื้นที่การเกษตรเสียหาย 4 อำเภอ คือ อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.ธาตุพนม และเมืองนครพนม หนักสุดคือ อ.บ้านแพง มีพื้นที่ถูกน้ำท่วม 6 ตำบล 49 หมู่บ้าน 600 ครัวเรือน นาข้าวเสียหายไม่ต่ำกว่า 3,000 ไร่ นอกจากนั้น ยังมีมวลน้ำจากลำน้ำสงคราม ลำน้ำอูน ที่ไหลมาจาก จ.สกลนคร ผ่านพื้นที่ อ.นาหว้า อ.ศรีสงคราม ก่อนลงสู่แม่น้ำโขงที่ อ.ท่าอุเทน ระดับน้ำสูงเกินจุดวิกฤติล้นตลิ่งประมาณ 1.50 เมตร ทำให้พื้นที่ ต.ท่าบ่อสงคราม อ.ศรีสงคราม ถูกน้ำท่วมสูงชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 200 หลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรจมน้ำไม่ต่ำกว่า 10,000 ไร่ สถานการณ์น้ำในเขื่อนน้ำอูน อ.พังโคน จ.สกลนคร เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากมีฝนตกสะสมทำให้หมู่บ้านที่อยู่รอบเขื่อนอย่าง ต.นาใน อ.พรรณานิคม และ ต.หนองปลิง อ.นิคมน้ำอูน มีหลายหมู่บ้านน้ำทะลักท่วม สวนปาล์ม สวนยางพารา และนาข้าว เป็นบริเวณกว้าง ส่วนบ้านโนนสวรรค์ บ้านอูนดง ต.นาใน อ.พรรณานิคม มีชาวบ้าน 28 หลังคาเรือน ถูกมวลน้ำจากเขื่อนน้ำอูนโอบล้อมรอบหมู่บ้าน ถนนภายในหมู่บ้านถูกตัดขาดเป็นระยะทางกว่า 1 กม. ชาวบ้านต้องใช้เรือสัญจรแทน หากปริมาณน้ำอูนสูงขึ้นอีกประมาณ 70 ซม.มวลน้ำจะเข้าท่วมหมดทั้งหมู่บ้านทันที นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านรอบเขื่อนน้ำอูนอีกหลายหมู่บ้านจ่อน้ำทะลักเข้าท่วมหนักเช่นกัน ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ จ.มุกดาหาร เพิ่มเกินระดับวิกฤติอีกครั้ง ล่าสุดที่หน้าศูนย์สำรวจอุทกวิทยาที่ 3 มุกดาหาร เย็นวันเดียวกันวัดได้ 12.60 เมตร ระดับเฝ้าระวัง 11.50 เมตร และระดับเตือนภัย 12.00 เมตร ระดับน้ำวิกฤติที่ 12.50 เมตร เกินระดับวิกฤติ 10 ซม. ส่งผลให้น้ำโขงไหลเอ่อท่วมลำน้ำสาขาและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งในเขต อ.เมืองมุกดาหารบางส่วนด้วย เช่นเดียวกับพื้นที่ อ.หว้านใหญ่ ถูกน้ำท่วมหนักมาก เพราะเป็นพื้นที่ต้นน้ำที่ต้องรับมวลน้ำที่ไหลมาจากทางเหนือลงสู่พื้นที่ อ.ดอนตาล และ อ.เมืองมุกดาหารส่วน จ.บึงกาฬ ยังมีพื้นที่ถูกน้ำท่วมทรงตัว 8 อำเภอ 44 ตำบล 340 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,026 ครัวเรือน 25,923 คน ขณะที่หมู่บ้านเทพมีชัย หมู่ 7 ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เนื่องจากน้ำท่วมถนนทางเข้าหมู่บ้านสูง 1.50 เมตร ร.ร.บ้านนาจาน หมู่ 4 ต.บุ่งคล้า น้ำทะลักท่วมห้องเรียนสูง 30-50 ซม.ส่งผลให้สื่อการเรียนการสอนเสียหายยับ ทหารและจิตอาสาระดมพลช่วยขนย้ายข้าวของทุลักทุเล ขณะที่สถานการณ์น้ำตามลำน้ำสายหลักในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน เพราะมีฝนตกติดต่อหลายวัน อีกทั้งเขื่อนลำปาวระบายน้ำวันละ 11 ล้าน ลบ.ม.เพื่อให้อยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ จังหวัดแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อยู่ติดลำน้ำปาว เฝ้าระวังเป็นพิเศษในช่วงนี้ เฉพาะพื้นที่ท้ายลำน้ำปาวเขต อ.กมลาไสย และ อ.ร่องคำ เสี่ยงน้ำเอ่อท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือน พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดด้าน จ.เชียงราย ฝนที่ตกหนักติดต่อหลายวัน ทำให้แม่น้ำหลายสายที่ไหลผ่านพื้นที่ อ.เทิง ระดับน้ำเพิ่มขึ้น เฉพาะแม่น้ำอิง แม่น้ำสายหลัก มีต้นน้ำจากกว๊านพะเยาและไหลผ่าน อ.เทิง อ.ขุนตาล ก่อนไหลลงแม่น้ำโขงที่ อ.เชียงของ มีระดับน้ำเพิ่มสูงมาก จนทะลักท่วมที่นาใน อ.เทิง กว่า 13,000 ไร่ ถนนสายบ้านหนองแรด ต.หนองแรด กับบ้านร่องแช่ ต.เวียงนายเอนก อ.เทิง ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 50ซม.รถยนต์สัญจรลำบาก ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก สำหรับฝนที่ตกติดต่อกันหลายวันในพื้นที่ จ.พังงา ส่งผลน้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนภายในหมู่บ้านเหมาะ หมู่ 1 ต.เหมาะ อ.กะปง แถมดินสไลด์ทับบ้านเลขที่ 31/15 เสียหายหนัก นายสุรัตน์ ลายจันทร์ นายอำเภอกะปง พร้อมทหารและผู้นำท้องถิ่น นำเครื่องจักรเข้าช่วยเหลือแล้ว พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยพื้นที่ราบลุ่มติดกับแม่น้ำต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากดินโคนถล่ม เนื่องจากขณะนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มประกอบกับมีฝนตกหนักสลับเบาต่อเนื่องที่ จ.ปราจีนบุรี พายุฝนถล่มส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปราจีนบุรีสูงมาก ชุมชนตลาดเก่าเทศบาลตำบลกบินทร์ อ.กบินทร์บุรี มีน้ำไหลหลากจาก อ.นาดี ทะลักท่วมบ้านเรือนร้านค้า รวมทั้งถนนถูกน้ำท่วมสูง 50 ซม. ชาวบ้านขนข้าวของหนีน้ำกันวุ่นวาย ขณะนายอัมรินทร์ ชิณวิชัย อายุ 17 ปี นักศึกษา ปวช. 2 แผนกช่างยนต์ วิทยาลัยการอาชีพกบินทร์บุรี พร้อมเพื่อน 6 คน เป็นจิตอาสาของศูนย์ฝึกย่อย วิชาทหารวิทยาลัยการอาชีพกบินทร์บุรี ช่วยชาวบ้านขนข้าวของหนีน้ำที่ชุมชนตลาดเก่า ก่อนลงไปเล่นน้ำในแควหนุมาน จนเสียหลักจมน้ำตายอนาถ ส่วน จ.สระบุรี ฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำป่าบนเทือกเขาไหลลงคลองเริงราง ก่อน เอ่อล้นท่วมในพื้นที่ ต.บ้านครัว กับ ต.บางโขมด อ.บ้านหมอ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวติดคลองป่าสักชัยนาท กับแม่น้ำป่าสัก เชื่อมต่อพื้นที่คลองเริงราง อีกทั้งพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ เมื่อฝนตกติดต่อกันหลายวันจะเกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก นอกจากนั้น ยังมีการก่อสร้าง ประตูระบายน้ำทั้งสองด้าน เพิ่งแล้วเสร็จเพียง 1แห่ง ทำให้น้ำจากคลองทั้งสองด้านไหลเข้าพื้นที่จำนวนมาก ขณะที่ จ.เพชรบุรี พื้นที่ส่วนใหญ่น้ำลดลงแล้ว เหลือพื้นที่ อ.บ้านแหลม ที่ยังมีน้ำท่วมขังรอระบายลงทะเลนายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ กล่าวว่า สำหรับปริมาณน้ำในแม่น้ำสำคัญที่พบว่ามีระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งขณะนี้ ประกอบด้วย แม่น้ำน่าน จ.อุตรดิตถ์ แม่น้ำสงคราม จ.สกลนคร ห้วยหลวง จ.อุดรธานี ลำเซบาย จ.ยโสธร แม่น้ำยัง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด แม่น้ำเพชรบุรี จ.เพชรบุรี คลองพระปรง จ.สระแก้ว แม่น้ำนครนายก จ.นครนายก รวมทั้งแม่น้ำโขงมีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้พื้นที่ จ.นครพนม จ.มุกดาหาร และ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี มีน้ำสูงกว่าระดับ ตลิ่ง และต้องเฝ้าระวังบริเวณ จ.หนองคาย รองเลขาฯ สทนช. กล่าวอีกว่า ส่วนเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีแนวโน้มน้ำไหลเข้าเขื่อนลดลง ปัจจุบันปริมาณน้ำ 754 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 106% น้ำล้นทางระบายน้ำหรือสปิลเวย์ สูง 99 ซม. ลดลง 1 ซม. ปริมาณน้ำไหลเข้า 13.71 ล้าน ลบ.ม. เพิ่มขึ้น 3.51 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่ปริมาณน้ำไหลออก 14.31 ล้าน ลบ.ม. ลดลง 0.66 ล้าน ลบ.ม. ระดับน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีบริเวณ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 92 ซม. แนวโน้มลดลง และที่ อ.เมืองเพชรบุรี สูงกว่าระดับตลิ่ง 2 ซม. แนวโน้มลดลง ทำให้พื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเพชรบุรีที่ยังได้รับผลกระทบน้ำท่วมมีแนวโน้มลดลง ด้านเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี พื้นที่ท้ายเขื่อนปัจจุบันน้ำยังไม่สูงกว่าตลิ่ง แต่กระทบพื้นที่รีสอร์ตที่สร้างอยู่ริมแม่น้ำแควน้อย กับแม่น้ำแม่กลองกรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายสภาพอากาศ ช่วงวันที่ 26-30 ส.ค. ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลาง พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนวันที่ 31 ส.ค.-1 ก.ย. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเล อันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนต่อเนื่อง และฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลางตลอดช่วง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งและ ดินโคลนถล่ม