แพทย์ไทยรวมพลังสร้างประวัติศาสตร์ด้วยความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ มูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช ร่วมกับ แพทย์ออร์โทปิดิกส์ และบุคลากรทางการแพทย์จากทั่วประเทศ พร้อมทั้งนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 11 (ปธพ.11) และนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้นำทางการแพทย์ (ปนพ.2) ที่พร้อมใจกันมาเป็นจิตอาสาภายใต้การดำเนินงานของราชวิทยาลัยออร์โทปิดิกส์แห่งประเทศไทย ร่วมกับราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย และพันธมิตรทุกภาคส่วน ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการแพทย์ไทยที่ได้ “ร้อยรวมใจ” เพื่อสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ร่วมกัน ภายใต้ “โครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งที่ 10 ประจำปี 2568” เพื่อผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมให้กับผู้ป่วยกว่า 100 ราย รวมกว่า 164 เข่า โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จังหวัดสุพรรณบุรี ความร่วมมือครั้งนี้มีทีมแพทย์และสหสาขาวิชาชีพจากโรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมขั้นรุนแรงที่ขาดโอกาสในการเข้ารับการรักษา อาทิ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก, รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ, รพ.พระมงกุฎเกล้า, รพ.วชิรพยาบาล, รพ.พระนั่งเกล้า, รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา, รพ.พะเยา, รพ.นครปฐม, รพ.ราชวิถี, รพ.ตำรวจ, รพ.แพร่, รพ.บางสะพาน, รพ.พุทธชินราช, รพ.เมดพาร์ค, รพ.บำรุงราษฎร์, รพ.หนองบัวลำภู, รพ.แหลมฉบัง, รพ.สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19, รพ.อ่างทอง, รพ.ตากสิน, รพ.เสนา, รพ.สงขลานครินทร์, รพ.สุโขทัย, รพ.สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17, รพ.อู่ทอง, รพ.ราชพิพัฒน์, ชมรมวิสัญญีพยาบาล นำคณะแพทย์และบุคลากร จาก 38 หน่วยงาน รวมถึงการสนับสนุนจากภาคเอกชน ร่วมผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมให้แก่ผู้ป่วย 100 ราย สำหรับโรคข้อเข่าเสื่อมถือเป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่เข้าสู่ภาวะข้อเข่าเสื่อมระยะรุนแรงจะมีอาการปวด บวม และเคลื่อนไหวลำบาก ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก สำหรับจังหวัดสุพรรณบุรี มีผู้ป่วยรอคอยการผ่าตัดเป็นจำนวนมาก การจัดโครงการครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการมอบ “ชีวิตใหม่” ให้กับพวกเขา และยิ่งไปกว่านั้น ความปลอดภัยของผู้ป่วยคือหัวใจสำคัญของภารกิจครั้งนี้ โดยทีมแพทย์ทุกคนยึดหลัก “Safety First” ทำให้การผ่าตัดกว่า 100 รายสำเร็จลุล่วงอย่างปลอดภัย ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยสามารถลุกเดินได้ภายใน 24 ชั่วโมง และมากกว่าครึ่งสามารถกลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้นอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่