"ล่ำซำ" ถือเป็นตระกูลในประวัติศาสตร์ธุรกิจไทยที่เก่าแก่ที่สุด ไม่มีตระกูลไหนในไทยที่จะมีอายุยืนยาวกว่านี้ และส่งต่อความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่นถึงห้าชั่วอายุคน ภายในเวลามากกว่า 150 ปี หนึ่งในผู้นำรุ่นห้า ที่มีบทบาทสำคัญในการสานต่อธุรกิจของครอบครัวล่ำซำให้เจริญรุดหน้ามาถึงปัจจุบันคือ "มาดามแป้ง–นวลพรรณ ล่ำซำ" ผู้ถูกลิขิตให้มารับภารกิจสำคัญหากถามว่า “มาดามแป้ง” มีอะไรอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ เธอตอบว่า “แป้งไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จทุกด้าน แต่ก็ดีใจ รู้สึกภูมิใจที่มีวันแบบนี้ แป้งเกิดมาเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลล่ำซำ ซึ่งเป็นตระกูลที่ถ้าคนนึกถึงสมัยก่อน ก็จะนึกถึงธนาคารกสิกรไทย เมืองไทยประกันภัย หรือเมืองไทยประกันชีวิตผู้นำมันมีหลายแบบใช่ไหมคะ ถ้าจะเป็นผู้นำในการบริหารประเทศ ผู้นำทางการเมือง แป้งก็ไม่ใช่ เคยแค่ชิมลางอยู่นิดเดียวช่วงสั้นๆเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวง พม. ส่วนจะถามว่าเป็นผู้นำวงการกีฬาใช่ไหม ก็น่าจะใช่ เพราะว่าเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศ ไทยฯที่เป็นผู้หญิงคนแรก แล้วก็เป็นคนที่แปดของโลก แล้วก็คนแรกของเอเชีย ส่วนธุรกิจที่ทำปัจจุบันคือซีอีโอเมืองไทยประกันภัย”การกระโดดเข้ามาในวงการกีฬา ไม่ใช่เพราะอยากเด่นดัง แต่ “มาดามแป้ง” ยืนกรานว่า “แป้งมาทำกีฬา เพราะแป้งมองว่าคนคิดเห็นแตกแยกกันทางการเมือง ก็สามารถมาเชียร์กีฬาไทยด้วยกันได้ โดยเฉพาะฟุตบอลไทย ไม่ว่าคุณจะมีความแตกต่างกัน จะเป็นพรรคอะไรก็ตาม แต่เมื่อเชียร์ทีมชาติไทยแล้ว ก็คือทีมชาติไทย แป้งจึงมองว่ากีฬาเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจของคนไทย และเป็นซอฟต์พาวเวอร์หลักของคนไทยอย่างหนึ่ง ประเทศไทยจะทำซอฟต์พาวเวอร์ที่ดีมันต้องบูรณาการ ที่เขาว่าจะแยกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แป้งว่าจริงๆทุกอย่างมันเชื่อมกันหมด ทั้งท่องเที่ยว, กีฬา, วัฒนธรรม มันต้องบูรณาการกันอย่างแท้จริง” เมื่อพิธีกรยิงคำถามเด็ดว่า ปีหน้าจะมีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. “มาดามแป้ง” สนใจจะลงสมัครไหม ได้คำตอบน่าลุ้นว่า “แป้งเป็นแคนดิเดตทุกที่ อันนี้เริ่มจะมาอีกแล้ว ถามว่าสนใจไหม แหมมันก็เป็นเรื่องที่พูดยากนะคะ ถ้าอายุน้อยๆ ก็จะต้องบอกว่าน่าสนใจ แต่วันนี้อายุปีหน้าจะ 60 มันมากเกินไป สำหรับที่จะลงเล่นการเมืองหรือเปล่า ถามตอนนี้ต้องยอมรับว่าสนใจจริงๆ เพราะว่ามันเป็นความฝันของคนอายุรุ่นแป้ง ที่อยากจะทำให้กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย เดินไปให้ได้สวยงาม ต้องยอมรับว่า ประชากรไทยมาแออัดอยู่ในกรุงเทพมหานครเยอะที่สุด ก็เป็นอะไรที่แป้งว่าเป็นการทำงานที่ยาก การจะทำให้กรุงเทพฯดีได้อย่างไร แป้งว่าเป็นโจทย์ที่ยากมาก โดยเฉพาะในยุคหน้า”“มาดามแป้ง” ย้ำว่าชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ชนะมาได้ทุกอย่างเพราะมีแพชชัน และมองโลกในแง่บวกเสมอ...“ชีวิตแป้งนี่เจอเรื่องยากตลอด แล้วอยู่ในวงการอะไรก็ไม่รู้ที่ครอบงำโดยผู้ชายบ้างหรืออะไรบ้าง แต่ไม่มีใครที่จะรู้จักตัวเราเองได้ดีเท่าตัวเราเอง แล้วการจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง ต้องอาศัยพลังตัวเองมากที่สุด พลังของพ่อแม่ก็สำคัญ พลังของครอบครัว, สามี, ลูก, ลูกน้อง, ญาติพี่น้อง เพื่อนก็สำคัญ แต่พลังของตัวเองเป็นพลังที่สำคัญที่สุด อย่างฟุตบอล ถ้าผู้นำไม่แข็งแรง บางทีมันปลุกใจไม่ได้ มันชนะก็ขึ้นสวรรค์ แพ้ก็ลงนรก สามารถเกิดได้ทุกอาทิตย์ แป้งอยู่กับบอลมาทั้งหมด 17 ปี หนึ่งแมตช์เท่ากับดูดพลังแป้งไป 3 วัน เพราะมันต้องใช้พลังงานแบบสูงสุดในการปลุกทีม แล้วก็ตื่นเต้นไปกับ 90 นาที สิ่งที่แป้งถือว่าได้รับชัยชนะในชีวิต คือได้ทำในสิ่งที่ตัวเองมีแพชชัน แป้งเป็นคนเลือกอาชีพทุกอย่างเองมาโดยตลอด ถ้าใจรักแล้ว แป้งจะมีแรงทำต่อ อันนี้แป้งถือว่าแป้งโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก แป้งผ่านทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว แต่แป้งจะมองเสมอว่าทุกประสบการณ์ถ้าย้อนกลับไปได้ แป้งไม่เคยเสียใจกับอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโชคร้ายในระหว่างทำงาน หรือว่าเกิดเหตุอะไรที่ไม่คาดคิด แป้งเป็นคนมองโลกในแง่บวกเสมอ ทำให้มีแรงที่จะไปต่อในทุกเรื่อง”ติดตามรายการ "Thairath Front Page EP.3 มาดามแป้ง" วันพุธที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 14.30 น. ทางช่อง Thairath News.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่