ลุกขึ้นมาจัดทัพครั้งใหญ่พร้อมนำ “ช.การช่าง” บริษัทก่อสร้างขนาดยักษ์หัวแถวของไทย อายุเก่าแก่กว่า 46 ปี ทะยานไปสู่อนาคตอันรุ่งโรจน์ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกธุรกิจ โดยภารกิจสำคัญของ “ปลิว ตรีวิศวเวทย์” 1 ใน 7 เสือผู้ร่วมก่อตั้ง “ช.การช่าง” คือ การส่งไม้ต่อให้ทายาทรุ่นใหม่มาช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดร่วมกับคนรุ่นเก่า เพื่อผสานพลังกันมุ่งสู่ยุคผลัดใบอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิมในฐานะลูกชายคนกลาง “ปอง-ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์” ถูกวางตัวให้กุมบังเหียนธุรกิจใหม่ของ “ช.การช่าง” โดยรั้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) บุกเบิกธุรกิจสร้างโรงไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน หลังพิสูจน์ฝีมือจากการร่วมพัฒนาโครงการไฟฟ้าน้ำงึม 2 ที่ สปป.ลาว จนสำเร็จ จึงได้รับความไว้วางใจให้ลุยต่อเป็นหัวหอกในการพัฒนาโครงการไฟฟ้าไชยะบุรี มูลค่ากว่า 115,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการลงทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศไทยแม้จะงานรัดตัว แต่สองพ่อลูกตระกูล “ช.การช่าง” ก็จัดคิวว่างตรงกันได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ทีมข่าวหน้าสตรีไทยรัฐ ได้สัมภาษณ์แบบเจาะลึกเป็นครั้งแรก...“ผมมองว่าเป็นความท้าทายครับ การต้องรักษาสิ่งที่คุณลุงและคุณพ่อสร้างไว้มันยาก เป็นแรงกดดันระดับหนึ่ง รักษาให้อยู่ได้ก็ยากแล้ว แต่ต้องขยายธุรกิจออกไปอีกยิ่งยากใหญ่ ผมไม่อยากให้สิ่งที่พวกท่านสร้างไว้ต้องมาล่มสลายในยุคของเรา ขณะเดียวกัน ในฐานะเจเนอเรชั่นที่สองต้องเตรียมปูทางให้คนรุ่นต่อไปเข้ามารับช่วงธุรกิจได้อย่างราบรื่นด้วย”...คุณปอง-ธนวัฒน์ เปิดใจให้ฟัง เมื่อโดนยิงคำถามว่าเกิดเป็นลูกคุณปลิวเป็นภาระหนักอึ้งไหม คุณปลิวปูทางให้ลูกชายพร้อมสำหรับการสืบทอดธุรกิจอย่างไรคุณปลิว : ผมจะเน้นมากเรื่องความอดทนและติดดิน ถ้าเป็นคนไม่ติดดินไม่ลุยจริง ทำงานพวกนี้ไม่ได้ เพราะธุรกิจของเราค่อนข้างยาก และต้องคุยต้องติดต่อกับคนเยอะ ผมไม่เคยบังคับลูก แต่จะคิดอย่างเดียวว่าต้องให้ลูกๆได้เรียนมากที่สุด และเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบก่อน หลังจากเรียนจบแล้ว อย่างน้อยก็เอาตัวรอดได้ ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้อย่างดี จะอาชีพไหนก็แล้วแต่ชอบ อย่าง “ปอง” จบด้านเศรษฐศาสตร์ ทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา ตอนแรกนึกว่าจบมาจะเป็นอาจารย์ด้วยซ้ำ กำลังจะเรียนต่อด็อกเตอร์ที่อเมริกา แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจกลับมาช่วยธุรกิจที่บ้านอะไรทำให้เปลี่ยนใจยอมกลับมาช่วยธุรกิจของคุณพ่อคุณปอง : ตอนนั้นคุณพ่อกำลังจะเข้าไปทำธุรกิจสร้างโรงไฟฟ้าใน สปป.ลาว ซึ่งผมว่าน่าสนใจมาก จึงตัดสินใจไม่เรียนต่อปริญญาเอก และกลับมาช่วยคุณพ่อลุยงาน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกมาก เพราะได้ประสบการณ์เยอะจากการทำโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ตอนกลับมาเมืองไทย ผมเพิ่งอายุ 25 ปี คุณพ่อให้ไปฝึกงานที่ทางด่วนกรุงเทพ ต้องวนทำทุกหน้าที่ ตั้งแต่พิมพ์เช็คตรวจเช็คเลย จากนั้นจึงถูกส่งไปสร้างเขื่อนพลังไฟฟ้าน้ำงึม 2โดนลองของไหม ต้องพิสูจน์ฝีมือแค่ไหนกว่าจะได้รับการยอมรับคุณปอง : ก็ต้องพิสูจน์ให้ทีมเห็นว่าเราตั้งใจจริง พร้อมทำงานหนักอยู่ดึกเหมือนทุกคน ไม่ใช่ว่าเป็นลูกคุณปลิวไม่ต้องทำงาน แล้วจะมาเป็นผู้บริหารเลย ผมต้องทำทุกอย่าง ตั้งแต่เจรจาขอสัมปทานจากรัฐบาลลาว ไปเจรจากับ กฟผ.ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า จนถึงเจรจากู้เงินจากธนาคาร เราเป็นเขื่อนแรกที่คนไทยเป็นเจ้าของร้อยเปอร์เซ็นต์ แบงก์ไทยสมัยโน้นยังไม่เคยปล่อยกู้โปรเจกต์ใหญ่ในต่างประเทศขนาดนี้ โชคดีที่ได้ทีมงานเก่ง จึงประสบความสำเร็จ เวลาเราเข้าไปทำโครงการไฟฟ้าน้ำงึม 2 สร้างเขื่อนกักเก็บน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้า จะต้องมีส่วนที่เป็นอ่างเก็บน้ำ ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบๆบริเวณน้ำท่วมถึง เราก็ต้องย้ายพวกเขาออกไป แล้วไปสร้างเป็นหมู่บ้านถาวร และยังต้องฝึกอาชีพให้ด้วย หรืออย่างไชยะบุรี สร้างเป็นฝายมีกำลังผลิตไฟฟ้า 1,285 เมกะวัตต์ ก็ต้องไปสร้างหมู่บ้านให้ประชาชน ในพื้นที่ รัฐบาลลาวมีกติกาว่าย้ายชาวบ้านแล้ว ต้องฝึกอาชีพให้ด้วยคุณปลิว : การที่ปองได้ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการของโครงการไฟฟ้าน้ำงึม 2 ก็ไม่ใช่ว่าเพราะเป็นลูกคุณปลิวแล้วขึ้นได้เลย แต่เสียงฝ่ายบริหารส่วนใหญ่สนับสนุน โดยเฉพาะ “ดร.วีรพงษ์ รามางกูร” เห็นด้วยว่า ปองพร้อมเป็นเอ็มดีบริษัทไฟฟ้าน้ำงึม 2 ซึ่งตอนนั้นปองเพิ่งอายุ 32 ปีตั้งแต่เข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัว “คุณปอง” ได้เรียนรู้อะไรจากคุณพ่อบ้างคุณปอง : คุณพ่อไม่เคยสอนตรงๆ แต่จะจับโยนลงไปในโครงการเขื่อนน้ำงึม 2 เลย เจอปัญหาก็ปรึกษากัน แล้วเรียนรู้จากสถานการณ์จริง สิ่งที่จำได้เสมอคือ คุณพ่อเน้นมากเรื่องความกตัญญู คนรู้คุณคนจะเจริญคุณปลิว : อะไรที่พ่อแม่บอกมาไม่มีหวังร้ายแน่ๆ มีแต่จะเป็นประโยชน์เท่านั้น พ่อแม่คือคนที่รักเราที่สุด“ช.การช่าง” ยึดหลักบริหารธุรกิจอย่างไร ถึงขึ้นชื่อเป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาลสูงคุณปลิว : ถ้าโครงการที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเล็กใหญ่ เราจะรับทำหมด อย่างเช่น กฟผ.ให้ราคาเราต่ำกว่าไฟฟ้าทั่วไปมาก แต่เรายอมรับได้ เพราะรู้ว่าโครงการไฟฟ้าที่ สปป.ลาวมีประโยชน์ ก็จะพยายามทำจนสำเร็จ โดยขอแค่พออยู่ได้ มีเงินพอจ่ายดอกเบี้ยคืนเงินกู้ ผู้ถือหุ้นได้ผลตอบแทนพอสมควร รัฐบาลลาวเห็นว่าเราแฟร์ งานออกมาคุณภาพดีอยู่ได้เป็นร้อยปี จึงนำมาซึ่งความไว้วางใจของรัฐบาลลาว ทำให้เกิดโครงการไฟฟ้าไชยะบุรีตามมา ในปี 2551 สำคัญที่สุดคือทุกฝ่ายต้องได้ประโยชน์ร่วมกัน ดูแลผู้เกี่ยวข้องทุกคนให้พอใจ ดูแลสิ่งแวดล้อม โดยที่เราพออยู่ได้ ถ้าครบตามองค์ประกอบนี้เราเดินหน้าลงทุนได้เลย โดยอยู่บนพื้นฐานว่าเรามีความสามารถในการแก้ปัญหาความเสี่ยงได้ทุกจุด ถ้าไม่รู้จริงไม่ทำ “ช.การช่าง” ทำงานเอากล่องมากกว่าเอาเงินจริงไหมคะคุณปลิว : ก็ไม่ถึงขนาดนั้น เราเอาแค่พออยู่ได้ แต่ก็ต้องดูแลผู้ถือหุ้นด้วย ทางด่วนเราก็ทำเพราะมีประโยชน์กับประชาชน แม้จะต้องใช้เวลา 10 ปีกว่าจะคุ้มทุน หรืออย่างรถไฟฟ้า เราก็ทำเพราะเป็นประโยชน์กับประชาชน ทำด้วยความตั้งอกตั้งใจ เพียงแต่สิ่งที่รัฐบาลสัญญาไว้ว่าจะทำส่วนต่อขยาย เอาเข้าจริงๆเดินหน้าไปส่วนขยายไม่มาเลยใน 10 ปีแรก เราเหนื่อยแต่ต้องอึด สุดท้ายส่วนขยายก็มา ต่อเป็นวงกลมเชื่อมถึงกันภูมิใจแค่ไหนกับความสำเร็จที่ผ่านมาคุณปลิว : ภูมิใจที่เราอธิบายทุกอย่างกับกรรมการและผู้ถือหุ้นได้ ทุกอย่างโปร่งใส ไม่เคยเอากำไรเกินควร ไม่เคยเสร็จเกินเวลาที่กำหนด ยังไม่มีงานไหนต้องดีเลย์จนโดนปรับ เราทุ่มเทเต็มที่ ผมภูมิใจกับทุกงานที่อาสาเข้าไปทำ อย่างการสร้างเขื่อนน้ำงึม 2 มีปัญหาเยอะ แต่เราสามารถแก้ไขได้ และทำเสร็จได้ตามเป้า หรืออย่างไชยะบุรี กว่าจะเริ่มได้ต้องดีเลย์ปีหนึ่ง มีงานเพิ่มเติมเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในลุ่มน้ำโขง ต้องใช้เวลาสร้างอย่างน้อย 2 ปี แต่ด้วยความสามารถของทีมงาน ทำให้เสร็จตามเป้าหมาย โดยที่คุณภาพงานออกมาดีน่าพอใจสำหรับ “คุณปอง” คุณพ่อเป็นต้นแบบในด้านใดคุณปอง : คุณพ่อเป็นคนเก่งและอุตสาหะอดทนมาก สิ่งที่ผมได้จากคุณพ่อ ซึ่งมีค่ามากสำหรับการทำธุรกิจคือ ความจริงใจในการทำงาน เราต้องดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกคนในระยะยาว อะไรฉาบฉวยกำไรระยะสั้นจะไม่ทำ เราอยากให้ธุรกิจครอบครัวสืบต่อไปได้ จะทำอะไรต้องได้ประโยชน์ทุกฝ่าย ทั้งประเทศชาติ ผู้ถือหุ้น ประชาชน ผมยังอยากขอบคุณท่านที่รักและให้เกียรติคุณแม่มาก ทำให้พื้นฐานที่บ้านแข็งแรง ลุยงานได้เต็มที่ ลุยงานหนักทั้งคู่ มีเวลาให้ความสุขตัวเองยังไงบ้างคุณปลิว : ความสุขของผมคือการได้เห็นลูกทุกคนโตขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น ทำธุรกิจที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม แค่นี้ก็สบายใจ ส่วนถ้ามีเวลาจะออกกำลังกายเพื่อให้มีชีวิตได้เห็นความสำเร็จของลูกๆมากขึ้น ตอนนี้มีหลาน 9 คน เล่นกับหลานก็มีความสุขแล้วคุณปอง : ถ้ามีเวลาว่างจะสอนการบ้านลูกๆเอง ยามว่างก็เล่นดนตรีกับพนักงาน “ซีเค พาวเวอร์”ลูกๆรับไม้ต่อได้ดีขนาดนี้ “คุณปลิว” คิดจะวางมือเร็วๆนี้ไหมคะคุณปลิว : ผมอายุ 74 ปีแล้ว ตอนนี้เป็นแค่ประธานกรรมการบริหาร คอยให้คำปรึกษา ช่วยแก้ปัญหา คอยดูความสำเร็จของลูกๆ ผมยังเข้าออฟฟิศทุกวัน เปิดประตูให้ลูกน้องมาหารือได้ทุกเมื่อ โชคดีที่สุขภาพเอื้ออำนวยก็คงทำงานแบบนี้ไปเรื่อยๆ.ทีมข่าวหน้าสตรี