สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่คนต่างชาติทั่วโลกนิยมเดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาทั้งตรี โท และเอก จนมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วสหรัฐฯ มีนักศึกษาต่างชาติเป็นจำนวนมากอย่างไรก็ตาม ผลจากการดำเนินนโยบายเข้มงวดของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องการลดจำนวนนักศึกษาต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาศึกษาต่อ ทำให้ตอนนี้ นักศึกษาต่างชาติตามมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วสหรัฐฯลดลงมากจากตัวเลขของสถาบันการศึกษานานาชาติ องค์กรที่ไม่แสวงกำไรด้านการศึกษาในนครนิวยอร์ก ระบุว่า ในปี 2567 มีจำนวนนักศึกษาต่างชาติในสหรัฐฯ ราว 1.2 ล้านคน คิดเป็น 6% ของนักศึกษาทั้งหมดทั่วสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวม ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจำนวน 825 แห่งทั่วสหรัฐฯ พบว่า ในช่วงเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา จำนวนนักศึกษาต่างชาติหน้าใหม่ที่ลงทะเบียนลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นตัวเลขลดลงมากที่สุดตั้งแต่เกิดโรคโควิด–19 แพร่ระบาดรุนแรงเมื่อ 4–5 ปีที่แล้วการที่จำนวนนักศึกษาต่างชาติที่มาศึกษาต่อในสหรัฐฯลดลง ส่งผลกระทบต่อรายได้ที่ลดลงของมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเล็กๆ ที่จะเจอผลกระทบหนักเป็นพิเศษ เช่น มหาวิทยาลัยเคนท์ สเตท ในรัฐโอไฮโอ ต้องตัดลดงบประมาณค่าใช้จ่ายลงกว่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 130 ล้านบาท ทำให้บรรดามหาวิทยาลัยทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ต่างพยายามสุดความสามารถช่วยเหลือกระบวนการยื่นขอวีซ่าของนักศึกษาต่างชาติ ให้ผ่านการอนุมัติที่เข้มงวดจากทางการสหรัฐฯ และเพื่อให้มีรายได้จากนักศึกษาต่างชาติเข้ามหาวิทยาลัยขณะที่มหาวิทยาลัยในหลายประเทศของทวีปยุโรปและที่แคนาดาต่างออกแคมเปญเชิญชวนนักศึกษาต่างชาติให้มาศึกษาต่อ ด้านตัวนักศึกษาเองก็เริ่มมองไปที่ประเทศเหล่านี้เป็นทางเลือกใหม่ในการเดินทางไปศึกษาต่อแล้ว.ผู้เล็กน้อยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม