สิ้นพระประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก “สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส” พระชนมายุ 88 พรรษา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 เม.ย. ในนครรัฐวาติกัน หลังเพิ่งเสด็จร่วมพิธีเฉลิมฉลองเทศกาลวันอีสเตอร์ และพบรองผู้นำสหรัฐฯที่ขอเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัวได้ไม่ถึงวัน และทรงกลับมาพักฟื้นจากอาการประชวรด้วยภาวะปอดติดเชื้อทั้ง 2 ข้าง เมื่อช่วงต้นปี จนต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอด ด้านสื่อนอกเผยขั้นตอนการคัดเลือก “สมเด็จพระสันตะปาปา” พระองค์ใหม่ โดยมี 4 พระคาร์ดินัล จากยุโรป 3 เอเชีย 1 ติดโผนครรัฐวาติกันออกแถลงข่าวอันน่าเศร้าสลดว่า สมเด็จพระสันตะปาปา หรือโป๊ปฟรานซิสที่ 1 ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก สิ้นพระชนม์ขณะทรงมีพระชนมายุ 88 พรรษา เมื่อเวลา 07.35 น. ของวันที่ 21 เม.ย.ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 12.35 น.วันเดียวกันตามเวลาประเทศไทย พระองค์ผู้ทรงเป็นบิชอปแห่งโรมได้เดินทางกลับสู่สรวงสวรรค์ของพระบิดาพระผู้เป็นเจ้าอย่างเป็นทางการทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โป๊ปฟรานซิส สิ้นพระชนม์ภายในพระตำหนักคาซ่า ซานตา มาร์ตา ในนครรัฐวาติกัน สถานที่พระองค์ทรงพำนักพักฟื้นพระวรกายมาเป็นเวลากว่า 1 เดือน นับตั้งแต่ประชวรหนักด้วยอาการปอดติดเชื้อทั้ง 2 ข้าง และทรงเข้ารับการรักษาภายในโรงพยาบาลเกเมลลี ในกรุงโรม เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ระหว่างนั้น มีหลายครั้งที่ทีมแพทย์ไม่มั่นใจว่าจะช่วยยื้อชีวิตของพระองค์ได้หรือไม่ เนื่องจากในอดีต โป๊ปฟรานซิสเคยรับการผ่าตัด ตัดปอดทิ้งไปส่วนหนึ่งในช่วงที่เป็นวัยรุ่น อายุ 21 ปีอย่างไรก็ตาม ทีมแพทย์ก็ประสบความสำเร็จในการรักษาพระองค์ให้หายประชวรจากพระอาการปอดบวมทั้ง 2 ข้าง และอนุญาตให้เสด็จออกจากโรงพยาบาลกลับมาพำนักที่นครรัฐวาติกันตามเดิม โดยเมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา นครรัฐวาติกันเปิดเผยว่า ปอดของพระองค์ได้รับความเสียหายและกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจอยู่ในสภาพอ่อนล้า แต่โดยรวมถือว่ามีพระวรกายดีขึ้น สามารถเปล่งเสียง หายใจ ขยับเขยื้อนพระวรกายได้ และถึงแม้ว่าพระองค์จะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอด แต่สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้บางครั้งบางคราวก่อนหน้านี้ โป๊ปฟรานซิสเสด็จออกงานครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ร่วมพิธีเฉลิมฉลองเทศกาลวันอีสเตอร์ วันสำคัญของศาสนาคริสต์ เพื่อระลึกถึงการคืนพระชนม์ชีพของพระเยซู ที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน พร้อมทรงให้การต้อนรับนายเจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เดินทางเยือนนครรัฐวาติกัน และขอเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัว เป็นเวลา 2-3 นาที โดยรองผู้นำสหรัฐฯกล่าวว่า ทราบดีว่าพระองค์มีพระวรกายไม่ดีเท่าไร แต่รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นพระองค์มีสุขภาพแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ขอขอบคุณที่ให้เข้าเฝ้า ขณะที่โป๊ปฟรานซิสมีท่าทียิ้มแย้มเล็กน้อย และทรงมอบของขวัญให้นายแวนซ์เป็นไข่อีสเตอร์ช็อกโกแลต 3 ใบ ไปฝากลูกทั้ง 3 คนของรองผู้นำสหรัฐฯนอกจากนี้ โป๊ปฟรานซิส ยังทรงออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ว่าการที่พระองค์เผชิญกับบททดสอบครั้งนี้ พระองค์ขอร่วมส่งแรงใจไปยังศาสนิกชนทุกคนที่ล้มป่วย อยู่ในสภาพเปราะบางเช่นเดียวกับพระองค์ ถึงร่างกายของเราจะอ่อนแอ แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะมาห้ามเราแสดงความรัก สวดภาวนา แสดงความปรารถนาดี ช่วยเหลือกันและกันด้วยแรงศรัทธาและความหวังที่เจิดจรัสพระประวัติของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มีพระนามเดิมว่า ฆอร์เก มาริโอ เบอร์โกกลิโอ ประสูติเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. พ.ศ.2479 (ค.ศ.1936) ที่กรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา มีเชื้อสายอิตาเลียน พระองค์ได้รับปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเคมี จากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส แต่ต่อมาได้ตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางธรรม เป็นนักบวชคณะเยซูอิตในนิกายโรมันคาทอลิก เมื่อ พ.ศ.2512 และเข้ารับการศึกษาอบรมต่อระหว่าง พ.ศ. 2513-2514 ที่มหาวิทยาลัยอัลกาลาเดเอนาเรส ประเทศสเปน ต่อมาได้รับสมณศักดิ์เป็นบิชอป เมื่อ พ.ศ.2535 ก่อนที่จะได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นอาร์กบิชอปแห่งบัวโนสไอเรส ใน พ.ศ.2541 และเป็นพระคาร์ดินัล ใน พ.ศ.2544 ก่อนได้รับการลงคะแนนเลือกให้รับตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปา พระประมุขแห่งศริสตจักรโรมันคาทอลิก หรือที่เรียกขานกันว่าบิชอปแห่งโรม พระองค์ที่ 266 ในวันที่ 19 มี.ค.2556 ขณะพระชนมายุ 76 พรรษา ถือเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์แรกจากคณะเยซูอิต และเป็นพระองค์แรกที่มาจากนอกทวีปยุโรป คือจากทวีปอเมริกาใต้ตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ชาวคาทอลิกและผู้ที่นับถือศาสนาอื่นๆ พระองค์ยังทรงให้ความสนใจและสนับสนุนการต่อสู้กับความอยุติธรรมทางสังคม ทรงเรียกร้องให้ดูแลผู้ที่เปราะบางที่สุด เช่น ผู้สูงอายุ เด็ก และคนยากไร้ และทรงเน้นย้ำถึงคุณค่าของความเห็นอกเห็นใจ รวมถึงการร่วมทุกข์ร่วมสุขและทรงเป็นกระบอกเสียงให้กับผู้ที่ไร้หนทาง นอกจากนี้ ยังทรงกระตุ้นให้คนร่ำรวยแบ่งปันกับผู้ขาดแคลน พระองค์มักย้ำถึงความเชื่อมโยงกันของมนุษยชาติและความจำเป็นในการร่วมรับมือทุกความท้าทายในปัจจุบันนอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เคยเสด็จเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย.2562 ด้วยเหตุผลต้องการสื่อว่าศาสนจักรคาทอลิกไม่ได้จำกัดเพียงยุโรป แต่เป็นศาสนจักรสากลที่ทุกประเทศทั่วโลกมีความสำคัญ โดยถือเป็นพระสันตะปาปา พระองค์ที่สองที่เสด็จเยือนไทยสำหรับกระบวนการเลือก สมเด็จพระสันตะปาปา พระองค์ใหม่นั้น สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าจะดำเนินการโดยคณะพระคาร์ดินัล ที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปี จำนวน 138 องค์ ซึ่งรวมถึงพระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช พระคาร์ดินัลชาวไทย ที่ปัจจุบันมีอายุ 75 ปี ลงคะแนนโหวตไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะมีใครได้คะแนนมากกว่า 2 ใน 3 ซึ่งกระบวนการนี้ปกติจะใช้เวลาประมาณ 15-20 วัน โดยตัวเต็งลำดับต้นๆที่คาดว่าจะอยู่ในรายชื่อผู้ได้รับเลือก มีอาทิ พระคาร์ดินัลเปียโตร พาโรลิน อายุ 70 ปี จากอิตาลี ผู้ทำหน้าที่ด้านต่างประเทศของนครรัฐวาติกัน และมีแนวคิดสายกลาง เรียกร้องสันติภาพ พระคาร์ดินัลปีเตอร์ เออร์โด อายุ 72 ปี จากฮังการี อดีตประธานสภาบิชอปแห่งยุโรป ผู้มีแนวคิดสายอนุรักษนิยม ต่อต้านการหย่าร้างและการแต่งงานใหม่รวมถึงพระคาร์ดินัลมัตเตโอ ซุปปี อายุ69 ปี จากอิตาลี ผู้มีแนวคิดเชิงบวกต่อกลุ่ม LGBT และมีความใกล้ชิดกับโป๊ปฟรานซิส เคยปฏิบัติหน้าที่แทนพระองค์หลายครั้ง ไม่ว่าเป็นตัวแทนเดินทางไปยูเครนหรือเป็นตัวแทนไปเข้าพบกับนายโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และพระคาร์ดินัลหลุยส์ อันโตนิโอ ทาเกิล อายุ 67 ปี จากฟิลิปปินส์ ผู้มีแนวคิดเสรีนิยมใกล้เคียงกับโป๊ปฟรานซิส เคยวิพากษ์วิจารณ์แสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวคิดอนุรักษนิยม โดยเฉพาะเรื่องการไม่ยอมรับหญิงที่ท้องก่อนแต่งหรือชาวคาทอลิกที่หย่าร้าง หรือแต่งงานใหม่ ซึ่งหากได้รับเลือก จะถือเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาจากภูมิภาคเอเชียพระองค์แรกอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่