เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในเมียนมาที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก ทั้งส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เกิดอาคารถล่มจนมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ เร่งค้นหาผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน ซึ่งยังได้เห็นทีมกู้ภัยและผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติที่ร่วมมือปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ของไทยโดยกรณีนี้ ทีมข่าวต่างประเทศหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้รับโอกาสพูดคุยกับหน่วยกู้ภัยแห่งชาติของอิสราเอล ซึ่งขอเปิดเผยชื่อเพียงว่า “พันเอกวาย” และ “พันตรีบี” ถึงปฏิบัติการความช่วยเหลือในครั้งนี้ โดยพันเอกวายระบุว่า ทางอิสราเอลได้นำทีมทั้งหมด 22 คน เดินทางจากอิสราเอลในค่ำคืนวันที่ 29 มี.ค. และมาถึงประเทศไทยในวันรุ่งขึ้น ขณะที่บางส่วนมาถึงในช่วงบ่ายของวันที่ 30 มี.ค.พันเอกวายยังได้เผยว่า หลังจากที่ทราบข่าวเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อวันที่ 28 มี.ค. จากประสบการณ์เกี่ยวกับภัยพิบัติทั่วโลกที่ผ่านมา ทำให้รับรู้ได้ในทันทีว่าต้องเตรียมพร้อมในการปฏิบัติการ ส่วนตัวแล้วในใจลึกๆ ก็รู้ว่าอย่างไรก็ต้องถูกเรียกตัว จึงได้เตรียมตัวให้พร้อม และจัดเตรียมการบางอย่างเอาไว้แล้ว ไม่ได้รอให้ถูกเรียกเสียก่อน จนกระทั่งเมื่อได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการในเช้าวันถัดมาโดยเรื่องนี้ใช่ว่าจะไม่เกิดปัญหา เนื่องด้วยเที่ยวบินจากอิสราเอลมาไทยเต็มทุกเที่ยว จึงต้องมีการตัดสินใจขอดึงผู้โดยสารบางส่วนออกจากเที่ยวบิน เพื่อให้ทีมกู้ภัยสามารถเดินทางมาได้อย่างรวดเร็วที่สุด และเริ่มปฏิบัติการ ณ จุดเกิดเหตุมาตั้งแต่สุดสัปดาห์ จนถึงปัจจุบันจากประสบการณ์ที่ได้เผชิญกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ๆทั่วโลกนั้น แต่ละเหตุการณ์ก็จะมีลักษณะเฉพาะเป็นของตัวเอง แต่ในกรณีนี้ เจ้าหน้าที่หรือทีมกู้ภัยที่มีประสบการณ์มากที่สุดจากทีมปฏิบัติการของเรายังบอกว่า สถานการณ์ของประเทศไทยมีความเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกับที่อื่นๆอย่างไรก็ตาม พันเอกวายบอกด้วยว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่นำติดตัวมาด้วย นอกเหนือไปจาก “เทคโนโลยี” อุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ จากอิสราเอลนั้น ก็คือ “ประสบการณ์” มากมายที่สั่งสมมา อย่างภารกิจล่าสุดที่ทีมได้เข้าร่วมคือ การปฏิบัติการช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหวที่ตุรกี ซึ่งขณะนั้นสามารถช่วยเหลือเหยื่อผู้สูญหาย 19 คน ผสานเข้ากับ “ความมุ่งมั่น” เต็มใจที่จะช่วยเหลือ “มิตรประเทศของเรา”ทั้งนี้ พันเอกวายยังมองว่า ภารกิจสำคัญ 2 ประการของทีมอิสราเอลครั้งนี้ ได้แก่ ประการแรก เราพยายามประเมินสถานการณ์อย่างดีที่สุด สร้างแบบจำลองเป็นภาพ 3 มิติของโครงสร้างอาคาร เพื่อระบุพิกัดของผู้สูญหายในจุดเกิดเหตุอย่างแม่นยำที่สุด และพยายามค้นหาเหยื่อ ขณะที่ประการต่อมาคือ การช่วยให้ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ สามารถสั่งการสิ่งต่างๆ ได้อย่างถูกต้องภายใต้สถานการณ์อันซับซ้อนเช่นนี้ได้ แน่นอนว่าทุกนาทีที่ผ่านไปมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยทั่วไปแล้วใน 96 ชั่วโมงแรกถือเป็นช่วงเวลาทอง (Golden Hours) หรือช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย เราต้องพยายามอย่างเต็มที่ให้การประเมินสถานการณ์ออกมาอย่างแม่นยำที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อช่วยชีวิตผู้คน แต่ในขณะที่พูดคุยกันนี้ก็ผ่านไป 120 ชั่วโมงแล้ว เรายังคงเดินหน้าพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่และไม่ย่อท้อ ซึ่งปฏิบัติการช่วยเหลือมีความคืบหน้าอยู่เสมอตามกาลเวลาที่ผ่านไป ซึ่งเราก็ยังไม่หมดหวัง เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมา อิสราเอลเคยสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตหลังจากที่เวลาผ่านพ้นไปแล้วมากกว่า 7 วันอีกด้วยการที่อาคาร 30 ชั้นถล่มลงมา อยากให้ลองนึกภาพว่า มันเป็นการค้นหาคนที่ติดอยู่ใต้ภูเขาคอนกรีตและเหล็กขนาด 75,000 ตัน นั่นเท่ากับว่ามันเป็นความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ เพราะนอกจากเราจะต้องค้นหาให้พบว่าเหยื่ออยู่ตรงส่วนไหนแล้ว การนำพวกเขาออกมาจากกองภูเขาคอนกรีตและเหล็กขนาดยักษ์ก็ยิ่งเป็นความท้าทายไม่แพ้กัน แต่เรากำลังทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุดพันเอกวายเล่าถึงกระบวนการทำงานให้ฟังด้วยว่า สมาชิกคนหนึ่งในทีมอิสราเอล เป็นวิศวกรผู้เชี่ยวชาญในด้านตึกถล่มโดยเฉพาะ สามารถทำความเข้าใจได้ว่าลักษณะของซากตึกถล่มจะมีพฤติกรรมอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในกรณีนี้ ขณะที่ทีมข้อมูลของอิสราเอลยังได้ดึงข้อมูลที่ได้จากการสำรวจพื้นที่เกิดเหตุ การพูดคุยสอบถามผู้รอดชีวิตในที่เกิดเหตุมาประกอบรวมกันเพื่อให้ทีมงานของอิสราเอลสามารถหลอมรวมข้อมูลเหล่านี้ไปสร้างเป็นแบบจำลอง 3 มิติของเศษซากอาคารที่พังถล่ม ซึ่งเป็นประโยชน์ในการใช้ระบุพิกัดของผู้ประสบภัย โดยที่ผ่านมาทีมของเราก็ใช้วิธีนี้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในตุรกี ไมอามีและอีกหลายที่ทั่วโลก และมีเพียงแค่อิสราเอลที่ใช้แนวทางนี้ด้าน “ออร์นา ซากิฟ” เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ยังเผยด้วยว่า ความช่วยเหลือจากอิสราเอลถึงไทยนั้นเป็นความต้องการร่วมกัน โดยไม่ต้องรอให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เอ่ยปากร้องขอ เนื่องจากทั้งอิสราเอลและไทยมีมิตรภาพอันดีร่วมกัน เมื่อเราเห็นว่าเพื่อนของเรากำลังต้องการความช่วยเหลือในห้วงเวลาที่เกิดสถานการณ์อันยากลำบากที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น อิสราเอลก็พร้อมให้การสนับสนุน โดยความช่วยเหลือนี้ยังเป็นการสั่งการจากนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ผนึกกำลังจากทั้งกองทัพ กระทรวงกลาโหมและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง.ทีมข่าวต่างประเทศคลิกอ่านคอลัมน์ “7 วันรอบโลก” เพิ่มเติม