สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้นานาชาติตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งจึงเป็นที่มาของความร่วมมือในหลาก หลายระดับ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า สำนักงานวิทยาศาสตร์แห่งชาติออสเตรเลีย (CSIRO) ได้ลงนามข้อตกลง 2 โครงการกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ องค์การเภสัชกรรม และโรงงานต้นแบบผลิตยาชีววัตถุแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีโดยเป็นความร่วมมือเพื่อสนับสนุนให้ไทยเข้าถึงยาและวัคซีนที่จำเป็นได้มากขึ้น สนับสนุนให้ไทยผลิตยาภายในประเทศ เป็นโครงการที่มุ่งเน้นการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร ผ่านการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ เพื่อผลิตยาสำหรับ “โรคติดเชื้อ” และ “ยารักษาโรคมะเร็ง”ซูซี นิลสัน ผู้อำนวยการฝ่ายงานวิจัยของ CSIRO มองว่าความร่วมมือครั้งนี้ ทีมฝ่ายผลิตทางชีวการแพทย์ของเรามีความเชี่ยวชาญในการนำผลจากการวิจัยและการพัฒนามาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตยาชีววัตถุ (ยาที่ผลิตมาจากสิ่งมีชีวิต และครอบคลุมไปถึงการตัดต่อพันธุกรรม เทคโนโลยีดีเอ็นเอ) วัคซีน และยาสามัญอื่นๆจึงมีความเชื่อว่าโครงการที่ออกแบบร่วมกันกับไทยจะช่วยให้เกิดการสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีความสามารถ เกิดการพัฒนากระบวนการทำงาน และการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งมีเป้าหมายคือการพัฒนาคุณภาพชีวิต และการเข้าถึง “ยามีคุณภาพ” ใน “ราคาที่เอื้อมถึง”ขณะที่ แอนเจลา แมคโดนัลด์ เอกอัคร ราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ยังเผยด้วยว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็น 1 ใน 66 โปรเจกต์ ของโครงการริเริ่มของรัฐบาลออสเตรเลียมูลค่า 620 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือกว่า 13,506 ล้านบาท ที่ต้องการสนับสนุนให้ “ชาติหุ้นส่วน” มีระบบสุขภาพที่ยืดหยุ่นมากขึ้นพร้อมย้ำอีกครั้งว่า ในห้วงเวลาที่วัคซีนและ “ยานำเข้า” มีราคาสูงนั้น การขยายขีดความสามารถในการผลิต และการผลิตยาได้เองในประเทศ ย่อมช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงที่ช่วยรักษาชีวิตได้ง่ายขึ้น ในราคาที่สามารถจับต้องได้.ตุ๊ ปากเกร็ดคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม