แม้การเลือกตั้งใหญ่กัมพูชาวันที่ 23 ก.ค. นี้ จะเป็นการเลือกตั้งเพื่อประทับตราอำนาจพรรครัฐบาลประชาชนกัมพูชา (CPP) ของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาวัย 70 ปี ที่ครองเก้าอี้ผู้นำมานาน 25 ปี หลังเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเป็นการเลือกตั้งแบบไร้คู่แข่ง เนื่องด้วยพรรคแสงเทียน พรรคฝ่ายค้านหลักของนายสม รังสี คู่แข่งทางการเมืองที่ลี้ภัยอยู่ต่างแดน ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งกัมพูชาตัดสิทธิการลงแข่งขันด้วยเหตุผลยื่นเอกสารไม่ครบ แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลกัมพูชาจะไม่ปล่อยให้เกิดความผิดพลาดใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้โดยเมื่อวันที่ 18 ก.ค. พล.อ.ฮุน มาเนต ผู้บัญชาการกองทัพบกกัมพูชาวัย 45 ปี บุตรชายของสมเด็จฮุน เซน และตัวเต็งสืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนต่อไปในอนาคต ได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า การเปลี่ยนรัฐบาลด้วยการใช้ความรุนแรง ด้วยการปฏิวัติสีต่างๆ หรือด้วยการใช้อาวุธไม่มีทางก่อให้เกิดสันติภาพ จะทำให้ประเทศแตกแยก เราต้องหยุดสิ่งเหล่านี้ เพราะฉะนั้นเราจึงเหลือหนทางเดียวคือการเลือกตั้งเปลี่ยนรัฐบาลทุกๆ 5 ปี หากอยากเปลี่ยนรัฐบาล ก็ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อย่าไปเชื่อทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ ที่มีเป้าประสงค์บ่อนทำลายการเลือกตั้งหรือสันติภาพของชาติบ้านเมืองพล.อ.ฮุน มาเนต ยังกล่าวด้วยว่า หากจะได้มาซึ่งสันติภาพ พวกเราจำเป็นต้องปกป้องประชา ธิปไตย และการเลือกตั้งยังช่วยป้องกันการยื้ออำนาจของนักการเมือง พร้อมทั้งสกัดความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงคราม ขณะที่โฆษกพรรคประชาชนกัมพูชา ระบุว่า พล.อ.ฮุน มาเนต ต้องการจะอธิบายให้ประชาชนเข้าใจความสำคัญของการลงคะแนนเสียงและการเปลี่ยนรัฐบาล การเปลี่ยนรัฐบาลด้วยการรัฐประหารถือเป็นสิ่งที่ผิดรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมาย และการพยายามก่อปฏิวัติสีต่างๆ ก็ไม่สอดคล้องกับเจตจำนงของประชาชนถ้อยแถลงของลูกชายสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ยังมีขึ้นหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งกัมพูชาลงมติให้นายสม รังสี แกนนำฝ่ายค้านที่ลี้ภัยอยู่ต่างแดน ห้ามลงเล่นการเมืองเป็นเวลา 25 ปี และปรับเงิน 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 175,000 บาท โดยเป็นการลงโทษตามบทแก้ไขกฎหมาย ตัดสิทธิทางการเมืองนักการเมืองที่ไม่ได้ใช้สิทธิลงคะแนนเสียง และจากกรณีที่นายสม รังสี เรียกร้องให้ประชาชนต่อต้านการเลือกตั้งในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นอกจากนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งยังตัดสิทธิการลงเล่นการเมือง 20 ปี และสิทธิการลงคะแนนเลือกตั้งแก่แกนนำพรรคฝ่ายค้านและนักเคลื่อนไหวอีก 16 คน พร้อมปรับเงินอีก 2,500 ดอลลาร์ หรือกว่า 87,500 บาท.
