ตั้งแต่สงครามรัสเซีย-อูเครนปะทุขึ้น 24 กุมภาพันธ์ 2022 เศรษฐกิจของโลกก็ปั่นป่วนซวนเซ เงินเฟ้อและค่าครองชีพสูงจนคนประท้วงทั่วยุโรป ขณะที่หลายประเทศลำบาก แต่ก็มีบางประเทศที่ได้อานิสงส์ร่ำรวยจากสงครามรัสเซีย-อูเครนอารามโก (Aramco) ตั้งเมื่อ 29 พฤษภาคม 1933 (90 ปีก่อน) ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Saudi Arabian Oil Group ที่คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อซาอุดีอารามโก (Saudi Aramco) รัฐวิสาหกิจพลังงานรายใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบีย มีน้ำมันดิบสำรองที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีมากเป็นอันดับ 2 ของโลก (มากกว่า 2.7 แสนล้านบาร์เรลหรือ 4.3 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร) และเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายวันที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาบริษัทผู้ผลิตน้ำมันทั้งหมดของโลกพฤษภาคม 2022 ชื่อของซาอุดีอารามโกระบือลือลั่นเพราะก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลกแซงหน้าแอปเปิลอิงค์ ด้วยมูลค่าตลาด 2.43 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (84 ล้านล้านบาท) ขณะที่มูลค่าตลาดของแอปเปิลอิงค์ อยู่ที่ 2.37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (82 ล้านล้านบาท) แม้ปัจจุบันมูลค่าตลาดของซาอุดีอารามโกจะตกลงมา แต่ก็เป็นรองเพียงแค่แอปเปิลอิงค์ กับไมโครซอฟท์เท่านั้น12 มีนาคม 2023 ซาอุดีอารามโกรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานตลอดปี 2022 ว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 46 โดยมีรายได้สุทธิ 161,070 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (5.6 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3.8 ล้านล้านบาท) เมื่อ ค.ศ.2021หลายประเทศเศรษฐกิจตกต่ำย่ำแย่ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจติดลบ แต่เศรษฐกิจซาอุดีอาระเบียกลับเติบโตอย่างมั่นคง สามารถขยายตัวได้ถึงร้อยละ 8.7 สูงที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกหรือ G20ซาอุดีอาระเบียเคยมุ่งเรื่องการเมืองในภูมิภาคมากเกินไป พยายามจะเอาชนะคะคานศัตรูอย่างอิหร่าน โดยไปสร้างสงครามตัวแทนในเยเมน หลายคนมีความเชื่อว่าสมัยก่อนตอนนั้น ซาอุฯ เดินยุทธศาสตร์ตามสหรัฐฯ หลังจากไบเดนเป็นประธานาธิบดี รัฐบาลสหรัฐฯก็มีพฤติกรรมไม่ให้เกียรติมกุฎราชกุมารของซาอุฯ หลายประเด็น เรื่องสำคัญคือการฆาตกรรมนายคาช็อกกีที่รัฐบาลไบเดนพยายามโยนข้อกล่าวหาใส่มกุฎราชกุมาร เพื่อเก็บข้อหาเหล่านี้ไว้เป็นเครื่องต่อรองทางการเมืองและผลประโยชน์หลังจากสงครามรัสเซีย-อูเครนปะทุขึ้น หน้ากากของสหรัฐฯและนาโตก็หลุด ทำให้ซาอุฯ เห็นชัดถนัดแล้ว ว่าสหรัฐฯที่ตนเดินตามก้นมานาน ไม่ได้มีใจมุ่งมั่นพัฒนาโลกอย่างแท้จริง ซาอุฯ จึงตีตัวออกห่าง และหันไปสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับจีนและรัสเซีย นักวิเคราะห์หลายคนวิเคราะห์ว่า ซาอุฯ หันไปยึดแนวจีน คือสร้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชน สร้างความก้าวหน้าให้แก่โลกแทนการสร้างสงครามความขัดแย้ง (เพื่อขายอาวุธ)ซาอุฯ จึงลดบทบาทการเมืองในภูมิภาค ถึงขนาดไปฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาต และประกาศเป็นข่าวใหญ่ไปทั้งโลกว่า อ้า ดีกันแล้ว การจับมือกัน ระหว่างซาอุฯ กับอิหร่านจะทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางเย็นลง ประเทศต่างๆในตะวันออกกลางก็อาจจะยึดซาอุฯ เป็นตัวอย่างในด้านการพัฒนาประเทศและภูมิภาคสหรัฐฯสร้าง “ผีอิหร่าน” หลอกซาอุฯ มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ปล่อยข่าวออกมาเรื่อยๆ ว่าอิหร่านสร้างอาวุธร้ายแรงประเภทเพื่อจะใช้ถล่มซาอุฯ เมื่อซาอุฯ กลัวก็ต้องป้องกันตัวเองด้วยการพึ่งสหรัฐฯโดยการสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์การเดินทางใหม่ของซาอุฯ ทำให้สหรัฐฯเสียประโยชน์มหาศาล ซาอุฯ อิหร่าน รัสเซีย อินเดีย จีน ปากีสถาน บราซิล แอฟริกาใต้ ฯลฯ ประเทศใหญ่และมีศักยภาพเหล่านี้รวมตัวกันเดินตามแนวทางใหม่ เพราะทุกประเทศรู้เกมสหรัฐฯและตะวันตกว่า มีแต่การยุแยงตะแคงรั่ว แบ่งแยกแล้วปกครอง การแยกกันอยู่และทะเลาะกันทำให้แต่ละประเทศอ่อนแอ และต้องไปอยู่ภายใต้การดูแลของสหรัฐฯและตะวันตกการรวมตัวกันได้สร้างพลังอันยิ่งใหญ่ ทำให้รัศมีอเมริกันที่เคยเรืองรองหมองลงไปถนัดตา ตอนนี้พวกซีไอเอก็คงต้องทำงานหนัก ก็จะต้องออกไปสร้างเรื่องให้คนทะเลาะกัน โดยใช้เทคนิคเดิม เช่น ฆ่าผู้นำประเทศ ก. แล้วโยนความผิดให้ประเทศ ข. แต่เดี๋ยวนี้ทุกประเทศรู้ทันสหรัฐฯและตะวันตกกันทั้งนั้นครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com