@@@ ปีเก่าผ่านไป ปีใหม่เข้ามา แม้สถานการณ์ไวรัสมรณะโควิด–19 จะทำให้รูปแบบของชีวิตเปลี่ยนไป แต่เนื้อแท้ของมนุษย์เรายังเหมือนเดิม โดยเฉพาะความต้องการผลประโยชน์และอำนาจที่เหนือกว่าใครๆ @@@• ภาพฉากการเมืองโลก จะกลับมาขับเคี่ยวยิ่งกว่าเดิม หลังจากต้องชะลอไปตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ปลายปีที่แล้วเห็นได้ชัดว่ารัฐบาล “สหรัฐอเมริกา” ภายใต้แม่ทัพใหญ่ “โจ ไบเดน” นักการเมืองลายครามจากพรรคเดโมแครต ได้มีความพยายามอย่างหนักในการจัดสรรระเบียบ สลัดคราบความมั่วซั่วในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ ทิ้งไป ดึงสถานะของอเมริกาให้กลับมาเป็น “ตำรวจโลก” ดังเดิม และเริ่มเข้ามากำหนดทิศทางในภูมิภาคต่างๆ ปีนี้แผนต่างๆที่สหรัฐฯวางไว้จะดำเนินการไปอย่างเป็นระบบเหมือนในช่วงประธานาธิบดียุคก่อนทรัมป์ ประเทศไหนที่เป็นมิตรเก่าแก่ หุ้นส่วนที่มีความเห็นด้วยสูง จะมีความสัมพันธ์กันอย่างราบรื่น โครงการความร่วมมือต่างๆที่มีอยู่เดิมจะแน่นแฟ้น อะไรที่ขาดไปก็จะถูกเติมเต็ม แต่ทางกลับกันใครที่ไม่ตามน้ำ วางสถานะความสัมพันธ์ไม่ดี ก็จะเผชิญกับแรงกดดันในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าการตัดความช่วยเหลือ ไปจนถึงคว่ำบาตรเบาไปหาหนักโดยทั้งหมดเป็นเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ เพื่อจำกัดอิทธิพลของมหาอำนาจตะวันออก “จีน” และ “รัสเซีย” ที่กำลังผงาดอย่างเห็นได้ชัด และเป็นคำตอบว่าทำไมสหรัฐฯถึงพยายามสร้าง “ตาข่าย” พันธมิตรในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เช่นเดียวกับเสริม “ตาข่าย” ยุโรปตะวันออก แผ่ขยายอิทธิพลขององค์การ NATO เข้าไปมากขึ้น “จีน” ภายใต้การนำของประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” และ “รัสเซีย” ภายใต้ธงรบของประธานาธิบดี “วลาดิเมียร์ ปูติน” ปีนี้ จะอยู่ในสภาพ “มีศัตรูร่วม” แสดงจุดยืนพร้อมที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือทางความมั่นคง หรือภาคส่วนอื่นๆไปด้วยกัน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะทั้งสองประเทศมี “เป้าประสงค์” เพื่อความยิ่งใหญ่ของตัวเองอยู่ในใจ แน่นอนว่ารัฐบาลหลายประเทศจะถูกกดดันทั้งทางตรงและทางอ้อมมากขึ้น ให้ต้องเลือกข้างระหว่างสหรัฐฯหรือจีน ขณะที่รัสเซียจะดูอยู่ห่างๆ และเข้าช้อน เสริมความร่วมมือ เมื่อมีโอกาสเหมาะสม• ด้วยเหตุนี้ สมาชิกประเทศ “อาเซียน” จึงหลีกหนีไม่พ้นที่จะต้องเข้าไปอยู่ในสมการการเมืองระดับโลก ท่ามกลางสัญญาณอันตรายว่า อาเซียนจะเกิดรอยร้าวภายใน มี “เมียนมา” ภายใต้การนำของ “พล.อ.มิน อ่อง หล่าย” เป็นช่องโหว่ให้ถูกแทรกแซง เห็นได้จากการประชุมสุดยอดปีที่ผ่านมา เมียนมาถูกประเทศสมาชิกส่วนหนึ่งกีดกันไม่ให้เข้าร่วม ด้วยเหตุผลโลกตะวันตก ขณะที่จีนก็พยายาม “ล็อบบี้” ช่วยเหลือเมียนมาอยู่กลายๆ เป็นเรื่องน่าจับตาว่าประธานอาเซียน 2565 “กัมพูชา” ในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี “ฮุน เซน” (ที่เริ่มปูทางอำนาจให้ พล.ท.ฮุน มาเน็ต ลูกชาย) จะวางตัวเช่นไร เพราะสิ่งที่ชัดเจนตอนนี้คือ กัมพูชาเอียงไปทางเมียนมา และช่วงนี้มีความสัมพันธ์ที่ “ดีมาก” กับจีนโดยเฉพาะเรื่องความร่วมมือทางความมั่นคง อาทิ การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ การสร้างฐานทัพเรือเรียมในอ่าวไทย อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นเค้าลางแล้วว่า อาเซียนจะต้องเหนื่อยยิ่งขึ้น ต้อง “คุยกันเอง” ถี่ขึ้นเพื่อหาจุดร่วมลงตัว ขณะที่หลักการอาเซียน “ไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน” ก็เริ่มที่จะเสื่อมถอย• สมรภูมิร้อนระอุไม่แพ้ความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจ หนีไม่พ้นการฟาดฟันอย่างดุเดือดในธุรกิจ “วิดีโอสตรีมมิง” เพื่อช่วงชิงฐานคนดูทั่วโลก ที่มียักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมบันเทิงทั้งจากชาติตะวันตกและฝั่งเอเชียทยอยเดินหน้าลงสู่สังเวียนกันอย่างคึกคัก โดยได้รับแรงหนุนจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีไร้สาย การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่พ่นพิษจนผู้คนทั่วโลกต้องจับเจ่าอยู่แต่ภายในบ้าน กลายเป็นตัวเร่งให้ธุรกิจสตรีมมิงเติบโตอย่างก้าวกระโดดสวนกระแสโลก โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าทั่วโลกจะเติบโตจาก 400,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2564 กลายเป็นกว่า 900,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2571 มีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 12.1% โดยผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิงทุกรายทั้งใหญ่และเล็กล้วนมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของตลาดในอนาคต • เจ้าใหญ่ที่ยังต้องจับตาคือ “เน็ตฟลิกซ์” สตรีมมิงแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ ในวงการที่มีสมาชิกแบบชำระเงินราว 214 ล้านราย ในกว่า 190 ประเทศ ด้วยคอนเทนต์หลากหลาย ใช้ประโยชน์ จากปัญญาประดิษฐ์ แนะนำภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือคอนเทนต์ที่ตรงจริตผู้ชมแต่ละคน โดดเด่นด้วย Original series หรือซีรีส์ที่ไม่สามารถหาชมได้ที่ไหน ไม่ว่าจะในรูปแบบเป็นผู้ร่วมผลิตและให้ทุนสร้าง หรือซื้อลิขสิทธิ์ผู้สัญญาเจ้าเดียว เช่น เดอะ คราวน์, บริดเจอร์ตัน รวมไปถึง สควิด เกม เล่นลุ้นตาย จากฝั่งเกาหลี ที่สร้างปรากฏการณ์มีผู้ชมสูงสุด 142 ล้านบัญชีด้าน “แอมะซอน ไพรม์” ที่เปิดเผยว่ามีสมาชิกแบบชำระเงินทั่วโลกเกิน 200 ล้านบัญชี ขณะที่มือเก๋าในวงการอย่าง “ดิสนีย์ พลัส” ที่เปิดตัวเมื่อ 2 ปีก่อน ใกล้เคียงกับช่วงที่โควิดเริ่มลุกลาม มีสมาชิกกว่า 118 ล้านรายทั่วโลก ถือเป็นคู่ต่อกรที่ผู้นำต้องจับจ้องอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีคอนเทนต์ชั้นนำที่ได้รับความนิยมเป็นอาวุธสำคัญ อย่างภาพยนตร์และแอนิเมชันของดิสนีย์ พิกซาร์ มาร์เวล สตาร์วอร์ส สารคดีจากเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก พร้อมเริ่มเปิดตัวภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์บางเรื่องในสตรีมมิงวันเดียวกับที่ฉายในโรงภาพยนตร์ ที่มองข้ามไม่ได้คือสตรีมมิงสัญชาติจีนอย่าง “iQIYI” (อ้ายฉีอี้) ในเครือไป่ตู้ เสิร์ช เอนจินอันดับ 1 ของจีน ด้วยยอดสมาชิก 106 รายใน 191 ประเทศ มีจุดขายที่คอนเทนต์จีนเป็นหลัก พร้อมกับเสริมทัพด้วยคอนเทนต์ฟอร์มยักษ์จากเอเชียทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น และไทย ส่วน “เอชบีโอ แม็กซ์” ที่มีบริการในสหรัฐฯ ละตินอเมริกาและแคริบเบียน ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในบางประเทศยุโรปไปเมื่อปลายเดือน ต.ค. ยังมีแผนเปิดตัวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีหน้า และตั้งเป้าขยายบริการให้ครอบคลุม 190 ประเทศในปี 2569• การที่ผู้ให้บริการต่างงัดกลยุทธ์เด็ดเพื่อขยายตลาด ผู้ชมก็ย่อมมีทางเลือกมากขึ้น จึงไม่แปลกหากจะมีอัตราการบอกเลิกสมาชิกเพิ่มขึ้นเช่นกัน คาดการณ์ว่าจะมีลูกค้ามากกว่า 150 ล้านคนยกเลิกสมาชิกในปี 2565 หรือ 30 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลก ซึ่งขับเคลื่อนโดยกลุ่ม Gen Z เป็นหลัก ที่มักมีพฤติกรรม “ยกเลิกเมื่อดูจบ” และกลับมาสมัครใหม่เมื่อมีคอนเทนต์ที่ถูกใจ เป็นความท้าทายในการสร้างสมดุลระหว่างการขยายฐานสมาชิกพร้อมจัดการกับการบอกเลิกและสร้างความผูกพันกับสมาชิกเดิมที่มีอยู่ แม้ว่าโดยรวมจะมีการสมัครสมาชิกเพิ่มมากกว่า และยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้น เพราะโควิด-19 จะยังคงอยู่กับเราไปอีก ความบันเทิงเพียงปลายนิ้วสัมผัสจากบริการสตรีมมิง จึงตอบโจทย์วิถีชีวิตของชาวโลกในปีนี้ ขณะที่ลูกค้ากลุ่มสูงวัยเริ่มติดใจและคุ้นชินกับเทคโนโลยี มากขึ้นจึงไม่ค่อยยกเลิก และมีแนวโน้มเป็นลูกค้าที่ “ผูกพันและภักดีกับแบรนด์” แน่นอนว่า “อาวุธหนัก” บนสังเวียนเดือดเพื่อดึงดูดลูกค้าก็คือ “คอนเทนต์” ที่เป็นตัวชี้เป็นชี้ตาย ในปีที่ผ่านมามีการทุ่มเงินมหาศาลเพื่อชิงคอนเทนต์ระดับแม่เหล็กอย่างคึกคัก ทั้งซีรีส์ ภาพยนตร์ สารคดี กีฬา หรือแม้แต่วิดีโอเกม ซึ่งในปีนี้ก็จะยังเห็นการทุ่มงบก้อนโตเซ็นสัญญากับ “สตูดิโอผู้สร้าง” หรือ “ครีเอเตอร์” ผู้มีชื่อเสียงอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความเป็นหนึ่งในธุรกิจของผู้นำ ก็เพราะว่า “Content is King” คอนเทนต์ คือหัวใจ• สำหรับธุรกิจอื่นๆ “นอกออนไลน์” นั้น ชะตากรรมยังคงผูกกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งปีนี้มีความเป็นไปได้ว่า ความโหดร้ายจะเริ่มบรรเทาลง จากการมาของตัวกลายพันธุ์ที่รุนแรงน้อยลง พ่วงด้วยยารักษาแบบเม็ด ที่จะมาช่วยเสริมทัพกระบวนการฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดสเข็มที่ 3 และเข็มที่ 4 @@@ ฟันเฟืองโลกกำลังหมุนไปอย่างไม่หยุดยั้ง การทรงตัวให้อยู่รอดคือปัจจัยสำคัญ ขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ แคล้วคลาดไปตลอดปี สวัสดีปีใหม่อีกครั้งนะครับผม @@@